|
โครงการประกวด Clip Online รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 16
กฤติกา นพรัตน์ DIGITAL DIRECTOR ไอคลิกนิวส์ ไอคลิกแมก และทีวีไอคลิก ร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท เทคโนกรีน จำกัด และ ชมรม DIGITAL REPORTERS จัดโครงการประกวด Clip Online รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 16 โดยนำเสนอคอนเซปต์เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนหัวข้อ ปลูกต้นไม้ด้วยใจ ห่วงใยสิ่งแวดล้อม ความยาว 1 นาที
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเสริมสร้างให้คนรุ่นใหม่มีทักษะในการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตอย่างมีประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
2. เพื่อเสริมสร้างให้คนรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีในการค้นคว้าข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
3. เพื่อรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่มีการพัฒนาการสร้างสรรค์การใช้สื่อออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
4. เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
รายละเอียดโครงการ
ระยะเวลา 4 เดือน : เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน เดือนธันวาคม 2568
ขั้นตอนการดำเนินงาน : เดือนกันยายนเริ่มประชาสัมพันธ์โครงการ-รับสมัคร
เดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายน รับสมัครและคัดเลือกผลงาน
เดือนธันวาคม ประกาศผลการประกวด
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เป็นการส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีทักษะในการเรียนรู้ ใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตอย่างมีประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
2. เป็นการส่งเสริมให้ให้คนรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีในการค้นคว้าข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
3. เป็นการรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่มีการพัฒนาการสร้างสรรค์การใช้สื่อออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
4. เป็นการรณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
บริษัท ไอคลิก จำกัด 274 ซอยแก้วเงินทอง 2 แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 โทร. +(66) 02 410 0309, 081 813 1274 โทรสาร : +(66) 02 410 0309
หลักเกณฑ์การส่ง Clip ประกวด
1.Clip ความยาว 1 นาที
2.วิธีส่ง Clip โดยการใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ด้วยการส่ง clip Up Load ใน SOCIAL MEDIA ของตัวเอง อาทิ Youtube, TikTok, Facebook, IG, Line,Threads แล้วส่ง LINK มาที่www.facebook.com/iclicklive พร้อมทั้ง share Link CLIP ไปยังเพื่อนๆ
3.ระยะเวลาส่งเริ่มตั้งแต่วันนี้ 30 พฤศจิกายน 2568;ip
คัดเหลือ 3 Clip TV Online ชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ประกาศผลตัดสิน วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568 ประกาศในหนังสือพิมพ์ ไอคลิกนิวส์ดอทคอม (www.iclicknews.com)
Go To Lead
|
BCH เปิดตัว โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี รีแบรนด์เต็มรูปแบบ
ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า การรีแบรนด์โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี จากโรงพยาบาลการุญเวช ปทุมธานี ที่เปิดให้บริการมากว่า 10 ปี นี่ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนชื่อหรือโลโก้ใหม่ แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จะทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะศูนย์กลางการแพทย์ของจังหวัดปทุมธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดระยะเวลา 10 ปี BCH ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง และได้เพิ่มงบประมาณเพื่อขยายพื้นที่ บริการ และเครื่องมือแพทย์ทันสมัย รวมถึงการเสริมทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลในเครือเกษมราษฎร์ และรองรับตลาดบริการสุขภาพไทยคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง จากการเข้าสู่สังคมสูงวัยและความต้องการบริการทางการแพทย์เชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) โดยโรงพยาบาลพร้อมให้บริการทั้งผู้ป่วยเงินสดและผู้ใช้สิทธิประกันสุขภาพ สร้างฐานรายได้ที่กระจายตัว ลดความเสี่ยงจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
การรีแบรนด์ครั้งนี้สะท้อนกลยุทธ์ของ BCH ที่ต้องการขยายการเข้าถึงในระดับภูมิภาค เพื่อตอบโจทย์การแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดโรงพยาบาลเอกชน รวมถึง Medical Tourism ด้วยศักยภาพเครือข่ายกว่า 15 สาขาทั่วประเทศ BCH มีโอกาสใช้ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี เป็นหนึ่งในฐานสนับสนุนบริการสุขภาพสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV และผู้ป่วยจีนที่เข้ามาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
"อีกหนึ่งกลยุทธ์ของ BCH คือ Synergy เครือข่าย ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ยังเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลในเครือทั้ง World Medical, Kasemrad International และโรงพยาบาลการุญเวช ซึ่งเสริมให้ BCH มีความแข็งแกร่งในเชิงภูมิศาสตร์และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอีกด้วยโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานี มีเครืองมือทางการแพทย์ ตลอดจนทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมให้การดูแล ทั้งโรคทั่วไปและโรคซับซ้อน และมุ่งมั่นที่จะให้บริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุม อาทิ ศูนย์โรคเฉพาะทาง เช่น กุมารเวช จักษุ กระดูก ศัลยกรรม เป็นต้น ศูนย์ตรวจสุขภาพ และศูนย์ฉุกเฉินและอุบัติเหตุ 24 ชั่วโมง" ศ.ดร.นพ.เฉลิม กล่าว
Go To Lead
|
LDC Dental เตรียมใช้งานบน LINE Official Account
ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้นำศูนย์ทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่ายในนาม LDC Dental เปิดเผยว่าบริษัทเดินหน้าพัฒนา CRM Loyalty Program ผ่าน LINE Official Account เพื่อยกระดับการบริการและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้รับบริการ โดยปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าแล้วกว่า 95% และอยู่ระหว่างการทดสอบใช้งานจริง CRM Loyalty Program ดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อให้คนไข้สามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของตนเองได้สะดวกผ่าน LINE OA ไม่ว่าจะเป็น Tier สะสม ส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษา นัดหมายครั้งถัดไป ผังฟัน และไฟล์ X-Ray ของตนเอง รวมถึงสมาชิกในครอบครัวได้อย่างครบถ้วน
การพัฒนา CRM Loyalty Program เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ LDC Dental ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามายกระดับการบริการ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความสะดวกสบาย และมอบคุณค่าเพิ่มให้กับผู้รับบริการทุกคน ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเสริมประสบการณ์ของคนไข้ แต่ยังตอกย้ำความพร้อมของ LDC Dental ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงดิจิทัลและการเติบโตในอนาคต สำหรับระบบ CRM Loyalty Program คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานบน LINE Official Account ได้เต็มรูปแบบในเร็วๆนี้ เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถสัมผัสประสบการณ์ทันตกรรมยุคใหม่ที่ครบวงจร สะดวกสบาย และเชื่อถือได้" ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
Go To Lead
|
'รพ.สงฆ์' จัดบริการเชิงรุก
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรงพยาบาลสงฆ์ ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องของสุขภาพพระสงฆ์ และมีชุดข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ในกรุงเทพมหานครมีวัดทั้งหมด 462 วัด โรงพยาบาลสงฆ์เข้าไปตรวจคัดกรอง 50 วัด ก็ประมาณ 10% ตามข้อมูลที่ได้มา พบว่า พระภิกษุสงฆ์มีภาวะอ้วนประมาณ 1 ใน 3 มีไขมันในเลือดสูงเกือบ 50% (ร้อยละ 46.33) หรือ 1 ใน 2 โดยประมาณ ที่สำคัญมีภาวะซีดหรือโรคโลหิตจาง 1 ใน 5 สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่จะต้องให้พระภิกษุสงฆ์ต้องได้รับการตรวจและดูแลเพิ่มเติม นอกจากนั้น ยังมีปัญหาอนามัยช่องปาก ทั้งโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุและอื่น ๆ ร้อยละ 88.28 ทั้งนี้ เชื่อว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์จะได้ร่วมมือกับท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูแลสุขภาพของพระภิกษุสามเณรกว่า 15,000 รูป ให้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และก็หวังว่าบุคลากรเหล่านี้จะทำให้สุขภาพของพระภิกษุสงฆ์ได้รับการดูแลได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ท่านได้มีโอกาสปฏิบัติในภารกิจทางด้านสงฆ์ได้ดี ความสำเร็จของโครงการนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความตระหนักรู้ทางด้านเรื่องของสุขภาพและยังทำให้เราได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ ซึ่งสามารถนำไปขยายผลดำเนินการวางแผนการดูแลพระภิกษุสงฆ์สามเณรในระดับประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
โรงพยาบาลสงฆ์ตระหนักถึงความมีสุขภาพดีของพระภิกษุสามเณร จึงได้ดำเนินโครงการสร้างเสริมสุขภาพฯ ดังกล่าวขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและมีพระภิกษุสามเณรเข้ารับการตรวจคัดกรองสุขภาพในเขตกทม. จำนวน 1,922 รูป จาก 49 วัด พบปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรค เช่น โรคไขมัน
ในเลือดสูง ร้อยละ 46.33 ภาวะอ้วน ร้อยละ 35.63 โรคเบาหวาน ร้อยละ 18.79 และโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 17.79 นอกจากนี้ยังพบค่า PSA สูงกว่าปกติ ร้อยละ 5.81 ผลตรวจเลือดในอุจจาระ ร้อยละ 2.61 การตรวจคัดกรองภาวะซีด พบว่ามีภาวะโรคโลหิตจาง ร้อยละ 20.40 การตรวจทางการได้ยินพบผิดปกติร้อยละ 68.28 ผลการตรวจเอกซเรย์ปอด (Chest X-ray) ผิดปกติ ร้อยละ 10.54 ส่วนทางด้านจักษุพบมีปัญหาทางตาร้อยละ 5.92 และทางด้านทันตกรรมพบมีปัญหาหินปูนและเหงือกอักเสบร้อยละ 88.28 ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อมีการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการเสร็จแล้วโรงพยาบาลสงฆ์ได้มีการส่งผลการตรวจสุขภาพให้กับพระภิกษุสามเณร ผ่านทางแอปพลิเคชัน (PRH Connect) และหากพบว่าเป็นโรค หรือเป็นกลุ่มเสี่ยง ทางโรงพยาบาลสงฆ์จะนัดหมายให้เข้ารับการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางต่อไป
Go To Lead
|
ม.วลัยลักษณ์ผนึกกำลัง อว. เปิดพื้นที่ให้นักศึกษาโชว์พลัง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ คณบดีสำนักวิชาการจัดการ ม.วลัยลักษณ์ กล่าวว่า หลักสูตรการตลาดดิจิทัลและการสร้างแบรนด์ สำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน Walailak Marketing Day 2025 ภายใต้แนวคิด เวทีแห่งการสร้างสรรค์และแบ่งปันความรู้ด้านการตลาดดิจิทัลและการสร้างแบรนด์ เพื่อเป็นพื้นที่ให้นักศึกษาได้ประยุกต์ใช้ความรู้จากห้องเรียนสู่การปฏิบัติจริงในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาด ต่อยอดไอเดียและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในระดับท้องถิ่น
การจัดงาน Walailak Marketing Day 2025 มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพด้านดิจิทัลของนักศึกษาและเยาวชนให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ สร้างเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนักเรียน นักศึกษา และผู้เชี่ยวชาญ พร้อมส่งเสริมการประยุกต์ใช้นวัตกรรมอย่าง AI และ Personalization Marketing เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการท้องถิ่น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
Go To Lead
|
เปิดตัว 'Mill Hill International School Thailand'
นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน เอ็ดดูเคชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทขยายธุรกิจก้าวสู่บทบาทใหม่เปิดตัวโรงเรียนนานาชาติมิลล์ ฮิลล์ ประเทศไทย (Mill Hill International School Thailand) โรงเรียนนานาชาติสัญชาติอังกฤษระดับพรีเมียมที่ใช้หลักสูตร Authentic British แห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ บริษัทมองเห็นแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งของโรงเรียนนานาชาติในไทย โดยเฉพาะเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางเศรษฐกิจ ที่มีครอบครัวต่างชาติและครอบครัวไทยกำลังซื้อสูงขยายตัวต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันจะมีโรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่กว่า 25 แห่ง รองจากกรุงเทพฯ แต่เรายังเห็นศักยภาพสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาสู่ระดับโลก ด้วยประสบการณ์และความแข็งแกร่งด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเครือข่ายธุรกิจในเชียงใหม่ อรสิรินพร้อมสนับสนุนการเติบโตของโรงเรียนนานาชาติมิลล์ ฮิลล์ และเติมเต็มระบบนิเวศการใช้ชีวิต (Lifestyle Ecosystem) สำหรับนักเรียนและผู้ปกครองอย่างครบวงจร
จากการศึกษาพบว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนในประเทศไทยไม่มากนัก ที่ได้รับการยอมรับในฐานะ British Branded Schools เราจึงมุ่งมั่นพัฒนา โรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุด ด้วยการลงนาม MOU กับมิลล์ ฮิลล์ เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป สถาบันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปีในสหราชอาณาจักรเพื่อเปิดโรงเรียนแห่งแรกนอกสหราชอาณาจักรที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในภูมิภาคนี้
ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติมิลล์ ฮิลล์ ประเทศไทย ไม่ใช่แฟรนไชส์ แต่เป็นโรงเรียนในเครือมิลล์ ฮิลล์ เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป โดยตรง ซึ่งจะคงมาตรฐานเดียวกับโรงเรียนต้นแบบในสหราชอาณาจักรทุกประการ นอกจากนี้ เรายังนำระบบ House System มาใช้เพื่อสร้างการเรียนรู้การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับปีการศึกษาแรก เราเปิดรับนักเรียนตั้งแต่ชั้นNursery Year 6 ยอดนักเรียนเกือบ 100 คน โดยมีสัดส่วนนักเรียนไทย 50%และมี จีน อเมริกา อังกฤษ ยุโรปอีก 50% เราตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าจะมีนักเรียนถึง 850 คน ภายในปี 2030 สำหรับค่าเล่าเรียนประมาณ 400,000-600,000 บาท ต่อปี ซึ่งถูกกว่า มิลล์ ฮิลล์ สกูล ที่ลอนดอน ถึง 3 เท่า ในขณะที่นักเรียนได้รับหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนการสอนเดียวกันทุกประการ นอกจากนี้ เรายังเตรียมแผนโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนในเครือที่อังกฤษ ซึ่งเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงและเข้าใจถึงรากฐานของการศึกษาของ มิลล์ ฮิลล์ กรุ๊ป
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|