Education/Health
Hot News: 'อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์' เตรียมจัดงานรับเทรนด์สุขภาพขยายตัวไม่หยุด
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
'อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์'
เตรียมจัดงานรับเทรนด์สุขภาพขยายตัวไม่หยุด
นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ข้อมูลจากสถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสูงถึง 8.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 306 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 และสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
"ปัจจุบันคนให้ความสำคัญด้านสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งทุกธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการขยายตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ได้เห็นอุตสาหกรรมนี้ถูกยกระดับขึ้น ในฐานะผู้จัดงาน International Healthcare Week 2025 (CPHI South East Asia, WHX Kuala Lumpur, WHX Labs Kuala Lumpur) Food ingredients Asia Thailand 2025 และ Vitafoods Asia 2025 มองว่านี่เป็นโอกาสธุรกิจที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ เภสัชกรรม เทคนิคการแพทย์ นวัตกรรมอาหารผู้ผลิตและผู้ประกอบการด้านสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" นางสาวรุ้งเพชร กล่าว
ทั้งนี้ International Healthcare Week 2025 ประกอบไปด้วยงาน ‘CPHI South East Asia 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘WHX Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้าด้านเครื่องมือแพทย์ ‘WHX Labs Kuala Lumpur 2025’ งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรมทางด้านอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซีย จัดระหว่างวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ที่ Malaysia International Trade and Exhibition Centre (MITEC) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

Go To Lead


ย้ำ “ทุกบ้าน ทุกครัวเรือน ต้องมีไอโอดีน”
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 25 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันไอโอดีนแห่งชาติ กรมอนามัยมีการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทุกบ้าน ทุกครัวเรือน ต้องมีไอโอดีน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเสริมสร้างพฤติกรรมการบริโภคไอโอดีนอย่างถูกต้อง สำหรับปริมาณไอโอดีนที่แนะนำต่อวันของเด็กแรกเกิด – 5 ปี ประมาณ 90 ไมโครกรัม เด็กอายุ 6 – 12 ปี ประมาณ 120 ไมโครกรัม เด็กวัยรุ่น – ผู้ใหญ่ ประมาณ 150 ไมโครกรัม หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ประมาณ 250 ไมโครกรัม
นอกจากไอโอดีนที่ได้รับจากอาหารที่รับประทานเป็นประจำ เช่น ไข่ นม อาหารทะเล ประเทศไทยยังได้กำหนดกฎหมายให้เกลือบริโภคต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 20 มิลลิกรัม และไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ น้ำปลา ซีอิ๊ว และซอสปรุงรส ต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 2 มิลลิกรัมและไม่เกิน 3 มิลลิกรัมต่อน้ำปลา 1 ลิตร เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่าย มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน

Go To Lead


'โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ' ปักหมุด ‘ศูนย์กลางผ่าตัดหัวใจแผลเล็ก’
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคต้อหินเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา มักพบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันพบว่า แม้แต่เด็กเล็กๆ มีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อหินได้เช่นกัน ซึ่งความร้ายแรงของโรคนี้คือ หากปล่อยไว้จนอาการลุกลามกระทั่งมองไม่เห็นแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดกับดวงตาของลูกหลาน และพาไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย อย่างทันท่วงที
แพทย์หญิงสุพัตรา จามรสุวรรณ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กล่าวเสริมว่า โรคต้อหินที่พบในเด็กสามารถพบได้ตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากพัฒนาการที่ผิดปกติตั้งแต่ในครรภ์ สังเกตความผิดปกติได้จากทารกมีอาการน้ำตาไหล ไม่สู้แสง ตาดำโต เป็นฝ้าขาว หรืออาจมีตาดำเล็กกว่าปกติ และต้อหินที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อน ของโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น การใช้ยาหยอดตาเป็นเวลานาน เด็กที่เป็นภูมิแพ้ มีอาการตาแดงมาก คันตา ผู้ปกครองซื้อยาหยอดตาใช้เองโดยไม่ปรึกษาจักษุแพทย์และใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ความดันตาสูงขึ้น ขั้วประสาทตาถูกทำลายจนสูญเสียการมองเห็นในที่สุด
นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กที่มีปานแดง ปานดำบนใบหน้า หากมีขนาดใหญ่และมีพื้นที่พาดผ่านดวงตา จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้เนื่องจากเด็กที่มีปานแดงเส้นเลือดบนใบหน้าเกิดความผิดปกติมีเนื้องอกมาอุดตันทำให้น้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาไม่สามารถระบายออกได้ความดันในลูกตาจึงสูงขึ้น ส่วนปานดำเกิดจากมีเม็ดสีดำเข้ามาอยู่ที่ผิวหนัง อุดตันท่อระบายน้ำในตา จึงทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น สำหรับวิธีการรักษาโรคต้อหินในเด็กอาจรักษาด้วยเลเซอร์หรือผ่าตัดแก้ไขท่อระบายน้ำที่ดวงตาให้เป็นปกติ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดกับดวงตาของลูกหลาน และพาไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างทันท่วงที

Go To Lead


ม.หัวเฉียวฯ ติดอันดับโลก
THE Impact Ranking 2025
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 มหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทยจาก 9 สถาบันเอกชนที่เข้าร่วม อันดับ 24 จาก 83 มหาวิทยาลัยไทย อันดับ Top 20 แต่ละตัวชี้วัด และอันดับ 801–1000 จาก 2,318 มหาวิทยาลัยทั่วโลก โดย Times Higher Education (THE) Impact Rankings 2025 ซึ่งเป็นการจัดอันดับเดียวในโลกที่ประเมินมหาวิทยาลัยโดยเทียบกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ผลการจัดอันดับนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัย ในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน พร้อมตอบสนองต่อความท้าทายของโลกยุคใหม่ และแสดงศักยภาพของมหาวิทยาลัยเอกชนไทยบนเวทีระดับสากล

Go To Lead


อบรมครูจีนด้าน AI
ยกระดับศักยภาพของครูผู้สอน
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ผนึกกำลังกับโครงการจัดตั้งสถาบันนานาชาติ จัดโครงการอบรมเสริมทักษะการจัดการเรียนรู้สู่การเป็นครู (ภาษาจีน) มืออาชีพ พร้อมบูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับความรู้และทักษะการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนภาษาจีนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาสาขาวิชาภาษาจีนก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมืออาชีพ ตอบรับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน พร้อมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน มีวัตถุประสงค์หลักคือการส่งเสริมเทคนิคการสอนภาษาจีนที่ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับศักยภาพของครูผู้สอนให้สามารถสร้างแรงบันดาลใจและถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดประตูให้นักศึกษาได้เห็นแนวทางและความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของสถานประกอบการในอนาคต
การอบรมในครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างสูง มีครูระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราดเข้าร่วมถึง 60 คน พร้อมด้วยนักศึกษาสาขาวิชาภาษาจีนของมหาวิทยาลัยอีกกว่า 50 คน ซึ่งทุกคนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิคและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนและ AI ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาและสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีนให้แก่ภูมิภาคและประเทศชาติ นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งผลิตและพัฒนาองค์ความรู้ที่สำคัญ ยืนหยัดเคียงข้างการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันการศึกษาที่เป็น “แหล่งสร้างสรรค์นวัตกรรม นำการพัฒนาท้องถิ่น สู่สากล” อย่างแท้จริง

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com