Education/Health
Hot News: 'เลิดสิน' เปิดตัวศูนย์กลางเทคโนโลยี 3 มิติทางการแพทย์
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
'เลิดสิน' เปิดตัวศูนย์กลางเทคโนโลยี 3 มิติทางการแพทย์
นพ.นวพงศ์ อนันตวรสกุล หัวหน้าศูนย์ Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า โรงพยาบาลเปิดตัว “Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center” ศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์แห่งแรกของกรมการแพทย์ ที่มุ่งผลักดันการใช้เทคโนโลยี 3D Printing ในการรักษาและวางแผนการผ่าตัดเฉพาะบุคคล เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความแม่นยำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไทย โรงพยาบาลเลิดสินมุ่งมั่นนำนวัตกรรมการพิมพ์ 3 มิติมายกระดับการแพทย์ไทย ตั้งแต่การวางแผนผ่าตัด การรักษาผู้ป่วย การฝึกอบรมแพทย์ ไปจนถึงงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น พร้อมต่อยอดสู่เศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ
นพ.ปิยะ เกียรติเสวี แพทย์ประจำหน่วย Orthopaedic Oncology กล่าวถึงประสบการณ์ในเคสผู้ป่วยมะเร็งว่า การใช้โมเดล 3D ทำให้เราเห็นโครงสร้างกายวิภาคของผู้ป่วยกระดูกเห็นจุดที่ต้องหลบหลีกได้ชัดเจนขึ้น เราสามารถออกแบบ Cutting Guide เฉพาะเคส พิมพ์ออกมาทดลองใส่ก่อนผ่าตัดจริง — ทำให้ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และเก็บเนื้อเยื่อส่วนดีไว้ได้มากที่สุด ตั้งแต่เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ เราผ่าตัดมะเร็งกระดูกไปกว่า 50 เคส ผลลัพธ์ดีขึ้น คนไข้ฟื้นตัวเร็วขึ้น และที่สำคัญคือทำได้ในเวลาสั้นลงโดยไม่เพิ่มต้นทุน
นพ.พงศกร รุ่งจารีสโลภา ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวถึงความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี 3D Printing และ 3D Cutting Guide มาใช้ในการผ่าตัดแก้ไขกระดูกที่มีความผิดปกติ (Corrective osteotomy) ว่า การวางแผนสำคัญกว่าการผ่าตัดจริง เทคโนโลยี 3D Printing ช่วยให้เราสามารถจำลองผลลัพธ์และแก้ไขข้อผิดพลาดล่วงหน้า เหมือนได้ฝึกผ่าตัดก่อนเข้าห้องผ่าตัดจริงอีกครั้ง และยังมีส่วนช่วยให้การรักษาคนไข้ง่ายขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำความเข้าใจลักษณะของโรค โครงสร้างกระดูก และสรีระ (Anatomy) ของผู้ป่วยอย่างละเอียดมากขึ้น ส่งผลให้ การวางแผนและการผ่าตัดมีความแม่นยำ ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

Go To Lead


'บำรุงราษฎร์' ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพข้ามพรมแดน
มร. ราจีฟ ราจัน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ประกาศจัดตั้งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง JD Health บริษัทชั้นนำในเครือของ JD Group และผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบสุขภาพดิจิทัลของประเทศจีน ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือทางการแพทย์ระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย ซึ่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่เป็นพันธมิตรกับ JD Health แพลตฟอร์มสุขภาพออนไลน์ชั้นนำของประเทศจีน โดยความร่วมมือดังกล่าวช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุด ความร่วมมือนี้เชื่อมโยงระบบนิเวศดิจิทัลขนาดใหญ่ของ JD Health เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขระดับโลกของประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อผู้ป่วยชาวจีนที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาลระดับพรีเมียมในต่างประเทศ
“ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ที่จะยกระดับระบบนิเวศการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นหมุดหมายใหม่” “การผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เข้ากับศักยภาพด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เข้าถึงผู้รับบริการจำนวนมากของ JD Health ในประเทศจีน จะทำให้ผู้ป่วยชาวจีนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพระดับโลกได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกด้วย”
ผู้บริหารของ JD Health กล่าวว่า “ความต้องการด้านบริการทางการแพทย์ระดับพรีเมียมในต่างประเทศของผู้ป่วยชาวจีนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เมื่อนำความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของประเทศไทยมาผสานเข้ากับความมีอัธยาศัยไมตรีและความสะดวกในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้บริการของเรา ความร่วมมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้เราสามารถนำเสนอบริการทางการแพทย์ในต่างประเทศที่ผ่านการรับรองและมีคุณภาพสูงผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือของ JD Health ได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในแผนการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ”

Go To Lead


ผู้แทนอาชีวศึกษาไทยเยือนกว่างซี ร่วมหารือการทำงาน
นายธนภัทร แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ประเทศไทย เดินทางเยือนวิทยาลัยอาชีวศึกษาการเงินกว่างซี เพื่อกระชับความร่วมมือ และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงลึกด้านการอาชีวศึกษาระหว่างสองประเทศผ่านการสื่อสารในทางปฏิบัติ โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาการเงินกว่างซีมุ่งมั่นที่จะสร้างพื้นที่อันเป็นเลิศสำหรับความร่วมมือและนวัตกรรมแบบเปิดในสาขาอาชีวศึกษาระหว่างกว่างซีกับอาเซียน ผ่านการสำรวจการบูรณาการการผลิตและการศึกษารูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูงในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนเดินหน้ายกระดับแบรนด์ “ช่างฝีมือสมัยใหม่” เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศ ความร่วมมือสี่ฝ่ายระหว่างสถาบันการศึกษากับองค์กรธุรกิจ เพื่อเสริมศักยภาพการอาชีวศึกษาในการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ วิทยาลัยฯ มุ่งเน้นไปที่การสร้าง “วิทยาลัยช่างฝีมือสมัยใหม่เศรษฐกิจดิจิทัลจีน-มาเลเซีย” โดยจัดตั้งกลไกการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอกับมหาวิทยาลัยและบริษัทระดับชาติของมาเลเซีย เกิดเป็นการทำงานร่วมกันในรูปแบบ “วิทยาลัย-วิทยาลัย-บริษัท-บริษัท” พร้อมทั้งร่วมกันสร้างโครงข่ายการพัฒนาและบูรณาการการผลิตและการศึกษา “1+1+N” โดยมี “1 ชุมชนอุตสาหกรรม, 1 วิทยาลัยช่างฝีมือสมัยใหม่ และ N วิสาหกิจต้นแบบและวิทยาลัยสาขา” เป็นแกนหลัก ที่ขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อรองรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ของบริษัทจีนในต่างประเทศ และเพิ่มมูลค่าผลผลิตของบริษัทราว 13 ล้านหยวน รวมทั้ง ได้จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น ศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีธุรกิจและอาชีวศึกษาจีน-อาเซียนในอินโดนีเซีย ศูนย์ความร่วมมือฯ ในกัมพูชา และ “วิทยาลัยการเงินเส้นทางสายไหม” ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างรูปแบบที่ครอบคลุมและยั่งยืนสำหรับการแลกเปลี่ยนด้านการอาชีวศึกษา วิทยาลัยฯ ใช้ทรัพยากรทางปัญญาจาก “เขตชุมชนอุตสาหกรรมแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่จงกวนชุน” ในอุทยานวิทยาศาสตร์ชิงหวา เพื่อสร้างศูนย์ดิจิทัลอัจฉริยะในต่างประเทศ 1 แห่ง, ศูนย์แลกเปลี่ยน 2 แห่ง, แพลตฟอร์มบริการทางเทคนิค 3 แห่ง และฐานบูรณาการการผลิตและการศึกษาข้ามพรมแดน 2 แห่ง ซึ่งช่วยตอบสนองความต้องการด้านเทคนิคและบุคลากรให้กับองค์กรธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ของอาเซียนได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านการอาชีวศึกษาระหว่างจีนกับอาเซียนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

Go To Lead


'รร.สาธิต ราชภัฏรำไพฯ จันทบุรี' ผนึกโรงเรียนไต้หวัน แลกเปลี่ยนวิชาการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวัสดิ์ชัย ศรีพนมธนากร รองอธิการบดี ด้านวิชาการ โรงเรียนสาธิต ม.ราชภัฏรำไพพรรณี ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการศึกษา (MOU) กับโรงเรียนประถมศึกษาเซียงถัง (Xiangtang Elementary School) เมืองผิงตง สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาระหว่างประเทศและสร้างโอกาสให้กับบุคลากรและนักเรียนของทั้งสองสถาบัน โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี ครอบคลุมการส่งเสริมความร่วมมือที่สำคัญหลายด้าน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนนักเรียน คณาจารย์ และบุคลากรเข้าร่วมโครงการสอนร่วม, การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม หลักสูตร และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ รวมถึงการสนับสนุนการสร้างชุมชนพัฒนาวิชาชีพครูในระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอน
“การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนคุณภาพของโรงเรียนสาธิตฯ ให้ก้าวทันโลก การแลกเปลี่ยนทั้งบุคลากรและหลักสูตรจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ตรงให้กับนักเรียนของเรา ทำให้พวกเขามีทักษะที่จำเป็นต่อการแข่งขันในยุคโลกาภิวัตน์ และยังเป็นการพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนให้มีความเชี่ยวชาญในระดับสากลอีกด้วย” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวัสดิ์ชัย กล่าวและว่า
ความร่วมมือนี้คาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกที่จับต้องได้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดประตูให้นักเรียนและครูได้เรียนรู้จากระบบการศึกษาที่หลากหลาย เสริมสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรม และนำองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาปรับใช้ในการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนสาธิตฯ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นนำและสร้างบัณฑิตที่ตอบโจทย์การพัฒนาพื้นที่และเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ

Go To Lead


'ไบรท์ตัน คอลเลจ' เปิดตัว “Sixth Form Centre”
นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหารของ Brighton College Bangkok กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ (Brighton College Bangkok)เปิดอาคาร “Sixth Form Centre” แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย ภายในอาคารศูนย์การเรียนรู้แห่งอนาคต “Sixth Form Centre” นี้ ได้รับการออกแบบให้สะท้อนอัตลักษณ์ “Brighton ethos” ผ่านการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่ทันสมัยกับบรรยากาศแห่งการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย อันประกอบด้วยพื้นที่เรียนรู้ร่วมสมัย ห้องพักผ่อนอ่านหนังสือ ตลอดจนโซนแนะแนวการศึกษาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และความร่วมมือ ซึ่งนักเรียนจะได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการเป็นพลเมืองโลกยุคใหม่ มีความกล้าหาญทางความคิด เป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยความเมตตา และหล่อหลอมคุณลักษณะสำคัญตามแบบฉบับของ Brighton ethos ที่สร้างแรงบันดาลใจแห่งความใฝ่รู้ (Curiosity) ความมั่นใจ (Confidence) และความมีน้ำใจ (Kindness)
สำหรับหลักสูตร Sixth Form สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย ของ Brighton College Bangkok มุ่งเน้นมากกว่าการเรียนเพื่อสอบ โดยนักเรียนทุกคนจะได้รับคำแนะนำด้านการศึกษาต่อ ด้วยการแนะแนวส่วนบุคคลจากทีมแนะแนวมืออาชีพ ทั้งจากสหราชอาณาจักรและประเทศไทย ในการช่วยค้นหามหาวิทยาลัยที่เหมาะสมที่สุด พร้อมสนับสนุนการเตรียมใบสมัครอย่างครบถ้วน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก อาคาร Sixth Form Centre แห่งนี้จะไม่มีความหมายเลย หากไม่มีผู้คนที่ทำให้มันมีชีวิต หวังว่านักเรียนทุกคนจะได้ใช้ Sixth Form Centre แห่งนี้อย่างเต็มที่และเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการเรียนรู้ การเติบโต ตลอดจนการสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับเพื่อน เรียนรู้ที่จะสร้างมิตรภาพ เพราะมิตรภาพในช่วงวัยนี้คือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต ดังนั้น ขอให้นักเรียนทุกคนใช้ช่วงเวลาในวัยนี้ให้คุ้มค่า สนุกกับการเรียนรู้ และสนุกกับการสร้างมิตรภาพที่แท้จริง
โดยในปีการศึกษานี้ Brighton College Bangkok ได้ฉลองความสำเร็จจากผลการสอบ A Level และ IGCSE ที่ทำลายสถิติเดิม เนื่องจากมีนักเรียนจำนวนมากคว้าคะแนนในระดับ A* และ A ในหลายวิชา สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในมาตรฐานการเรียนการสอนระดับโลก โดยผู้สำเร็จการศึกษาในระดับ Sixth Form ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ได้แก่ University of Cambridge, Imperial College London, King’s College London, University of Warwick, University of Durham, Emory University รวมถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทยอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการศึกษา ด้วยผลสอบที่โดดเด่นระดับประเทศ

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com