Education/Health
Hot News: TM ปลื้มธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
TM ปลื้มธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
ดร.สุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM เปิดเผยว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาของการเปิดให้บริการสถานดูแลผู้สูงอายุ “THE PARENTS WELLNESS AND REHABILITATION CENTER” ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เดอะพาเร้นส์ จำกัด ในเครือบริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี เนื่องจากมีบริการต่าง ๆ เพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพที่ดีผ่านกระบวนการดูแล บำบัด และส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมโดยผู้ชำนาญการสาขาต่าง ๆ ทั้งแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักกำหนดอาหารและนักบริบาล ฯลฯ
“นอกจากบริการต่าง ๆ ที่ออกแบบให้ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายอย่างครบถ้วนแล้ว THE PARENTS ยังได้รับรางวัลต่าง ๆ เช่น รางวัล STAR ( Sustainable Tourism Acceleration Rating) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งรางวัล “Medical and Wellness Excellent มาตรฐานการท่องเที่ยวและสุขภาพไทย” จากนายกสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย ในงาน AROKAGO STAR AWARD 2023 และรางวัลสถานประกอบการมาตรฐานดีเด่น Excellent Senior Service Award สาขาคุณภาพการฟื้นฟู Best Clinical Practice Award จากสมาคมการค้าและบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย(SHSTA) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์” นางสุนทรีกล่าว

Go To Lead


บีดีเอ็มเอส – สมิติเวช
เปิดตัว 'Radiance MicroPad?'
นพ.นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจการแพทย์ระดับประเทศ BDMS และทีมแพทย์ด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลสมิติเวช ได้นำไปสู่การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเมดิคัลเกรดความงามครั้งแรกของไทย “Radiance MicroPad?” แผ่นแปะเข็มจิ๋วระดับไมครอนที่ผสานเทคโนโลยีการนำ Visible Light ลงสู่ผิวได้โดยตรง พร้อมปฏิวัติวงการดูแลผิวของไทย เพื่อตอบ Pain Points ของผู้เข้ารับทำหัตถการ เช่น ความกลัวเจ็บ อาการหน้าแดงบวมหลังทำ และการต้องหลบแดดหลายวัน ผู้รับบริการด้านผิวหนังมักกังวลเรื่องความเจ็บและเวลาพักฟื้น โรงพยาบาลจึงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ยังคงความแม่นยำและประสิทธิภาพในการรักษา ช่วยให้การดูแลผิวอ่อนโยน ฟื้นตัวเร็ว และเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ไม่ต้องหยุดกิจวัตรประจำวัน เทคโนโลยีนี้ยังเสริมศักยภาพทีมแพทย์ในการดูแลผู้รับบริการได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยเลี่ยงหัตถการเพราะกลัวความเจ็บ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการรักษาด้านผิวหนังที่โรงพยาบาลอีกด้วย
กลไกการทำงานของ Radiance MicroPad? เมื่อเข็มจิ๋วสัมผัสผิวเบา ๆ คล้ายแรงสัมผัสของตีนตุ๊กแก (Hook & Loop) พร้อมส่งพลังงาน Visible Light ลงสู่ผิวหนังแท้โดยตรง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ลดการอักเสบ ลดการสร้างเม็ดสีทำให้หน้ากระจ่างใส แทบไม่รู้สึกเจ็บและฟื้นตัวเร็วกว่า Microneedling หรือเลเซอร์ทั่วไปโดยผลลัพธ์ทางคลินิกพบว่า: ลดความเจ็บได้เฉลี่ย 60–70% ลดระยะพักฟื้นจาก 3–5 วัน เหลือเพียง 1–2 ชั่วโมง เท่านั้น ริ้วรอยเล็ก ๆ และ รูขุมขนกระชับขึ้น หลังการทำอย่างต่อเนื่องเพียง 3 ครั้ง กลุ่มที่เหมาะสม คือ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน และกระตุ้นคอลลาเจน ขณะที่กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีแผลเปิด ผิวอักเสบเฉียบพลัน ผิวแพ้ง่ายมาก หรือผิวไวต่อแสง ซึ่งจำเป็นต้องมีการซักประวัติและได้รับการประเมินอย่างละเอียดก่อนเข้ารับบริการ เทคโนโลยีการส่งแสงแบบ Visible Light ไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสม และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานการผลิต รับรองคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (ISO)

Go To Lead


'EARTONE'
เปิดตัวเทคโนโลยี AI และแอปตรวจการได้ยิน
นพ.มานัต อุทุมพฤกษ์พร ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Eartone Hearing Solutions กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 30 ปี การเดินทางอันทรงคุณค่าที่ ได้อยู่เคียงข้างผู้มีปัญหาการได้ยินและบุคลากรทางการแพทย์ไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยี AI เพื่อการทดสอบการได้ยินสุดล้ำ ที่จะเปลี่ยนมิติของการดูแลสุขภาพหูของคนไทยไปอีกขั้น เอียร์โทนได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดใน “EarTest by Eartone”แอปพลิเคชัน ตรวจการได้ยินด้วย AI อัจฉริยะ ซึ่งถือเป็นแอปฯ แรกในประเทศไทยที่สามารถตรวจคัดกรองการได้ยิน ภาษาไทยได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพงหรือเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง เพียงใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ก็สามารถ ประเมินความเสี่ยงของการสูญเสียการได้ยินได้อย่างแม่นยำและ รวดเร็ว
Wนวัตกรรมนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักวิจัยไทยและนานาชาติ ได้แก่ ผศ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร และทีมวิจัยจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ University College London และได้รับทุนสนับสนุนจาก Royal Academy of Engineering (UK) และหน่วยงานวิจัยระดับประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจสุขภาพ การได้ยินของคนไทย ลดการนำเข้าอุปกรณ์ หรือตู้ตรวจการได้ยิน จากต่างประเทศ อีกทั้งสามารถนำไปใช้ตามโรงพยาบาล และศูนย์การแพทย์ทั่วประเทศได้ซึ่งการทดสอบ ได้ยินได้ด้วยตนเองที่บ้าน ผ่านเสียงพูดในสมาร์ทโฟน หรือ อุปกรณ์แท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับหูฟังนั้นสามารถ ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจทำให้ เกิดปัญหาสมองเสื่อมในอนาคตได้อย่างทันท่วงที ผู้สนใจสามารถ ดาวโหลดได้ทั้ง 2 ระบบ เพียงค้นหาคำว่า EarTest by Eartone" นพ.มานัต กล่าวและว่า
นอกจากแอปพลิเคชันตรวจการได้ยินแล้ว เอียร์โทนยังเปิดตัวเครื่องช่วยฟังรุ่นใหม่ล่าสุดของโลกที่ ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยแยกเสียงพูดจากเสียงรบกวน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถได้ยิน คำพูดชัดเจนขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังรบกวน โดยมีผู้ใช้งานจริง มาร่วมแชร์ประสบการณ์จริงภายในงาน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับ อย่างประทับใจจากบุคลากรทางการแพทย์กว่า 100 ท่านที่มาร่วมทดลองใช้ ด้วยตนเองตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เอียร์โทนเติบโตจากคลินิกการได้ยินเล็ก ๆของแพทย์เฉพาะทางด้านหู สู่ผู้ให้บริการ Hearing Solution แบบครบวงจรครอบคลุม ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยี เครื่องมือทดสอบเสียงที่ได้มาตรฐานจาก Chula Unisearch ไปจนถึงการฟื้นฟูด้วย เครื่องช่วยฟัง AI อัจฉริยะ โดยมีเครือข่าย สาขาให้บริการทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

Go To Lead


ศศินทร์ เปิดหลักสูตรระยะสั้น Sasin AI Turbo
สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมเปิดหลักสูตรระยะสั้น Sasin AI Turbo หลักสูตรพิเศษที่ออกแบบและสอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากสถาบันการศึกษาระดับโลกร่วมกับอาจารย์ของศศินทร์ เพื่อยกระดับความรู้และทักษะด้าน AI ของผู้นำรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ หลักสูตรเข้มข้นตลอด 9 สัปดาห์ทั้งการเรียนในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
ในยุคที่ AI กลายมาเป็น “ผู้ตัดสินใจ” ที่สำคัญในองค์กร หลักสูตร Sasin AI Turbo ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้บริหารและผู้นำองค์กรเข้าใจการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ และประยุกต์ใช้ AI เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ หลักสูตรนี้ผสมผสานมุมมองระดับโลกและความเชี่ยวชาญในระดับภูมิภาคของคณาจารย์ชั้นนำผ่านการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง ลงลึกในเรื่องศักยภาพและการพัฒนา Agentic AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะลึกกรณีศึกษา รวมถึงฝึกทักษะการออกแบบ Prompt และการสร้าง AI Prototype เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
Sasin AI Turbo ผสานรูปแบบการเรียนทั้งแบบ Face to Face และออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วย Turbo Week ที่ผู้เรียนจะต้องมาเรียนแบบ Face to Face ที่ศศินทร์ เป็นการเรียนที่เข้มข้นแบบเจาะลึกตลอดหนึ่งสัปดาห์ มุ่งสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ครบถ้วนผ่านเวิร์กชอป การวิเคราะห์กรณีศึกษา และการแลกเปลี่ยนกับคณาจารย์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในช่วง Pre-Turbo ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ออนไลน์ด้วยตนเอง ควบคู่ไปกับการเรียนออนไลน์สดผ่าน Zoom จำนวน 3 ครั้ง (ครั้งละ 2 ชั่วโมง) เพื่อการเตรียมความพร้อมในด้านเนื้อหา และสร้างความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมรุ่นก่อนเริ่มต้น Turbo Week
ส่วนช่วง Post-Turbo จะปิดท้ายด้วยการทำโครงการและการสะท้อนความคิดร่วมกันจากการทำงานกลุ่ม โดยใช้เวลาเรียนออนไลน์สดผ่าน Zoom 2 ครั้ง (ครั้งละ 2 ชั่วโมง) หลักสูตรนี้จึงตอบโจทย์ผู้บริหารหรือมืออาชีพที่ต้องการพัฒนาความรู้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดในเวลาระยะสั้น หลักสูตรเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ – 26 เมษายน 2569

Go To Lead


'จอร์จ เมสัน เกาหลี'
เดินหน้าต่อยอด Study Trip ในไทย
มหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน เกาหลี (George Mason University Korea) โดยศูนย์ศึกษาเอเชียด้านสันติภาพและความขัดแย้ง (Peace and Conflict Studies Center Asia: PACSC Asia) เตรียมเดินหน้าโครงการ Study Trip in Thailand ประจำปี 2569 ด้วยรูปแบบที่เข้มข้นและครอบคลุมกว่าเดิม มุ่งเน้นการพัฒนามุมมองด้านสิทธิมนุษยชน กฎหมาย และการจัดการความขัดแย้ง ผ่านการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยชั้นนำและหน่วยงานภาครัฐของไทย โดยมีพันธมิตรสำคัญ อาทิ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลปกครอง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาที่จะร่วมถ่ายทอดมุมมองต่อประเด็นสังคมร่วมสมัยในภูมิภาคเอเชีย
ในปีนี้ เนื้อหาทางวิชาการถูกออกแบบให้เข้มข้นและหลากหลายยิ่งขึ้น ครอบคลุมประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาลภาครัฐ การพัฒนาเชิงนโยบาย การจัดการความขัดแย้ง และพลวัตของสังคมไทย เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจทั้งระบบกฎหมายไทยควบคู่กับบริบททางวัฒนธรรมและสังคม ขณะเดียวกัน กิจกรรมด้านวัฒนธรรมและการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญ เช่น การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ การทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน และการศึกษาวัฒนธรรมเมือง เพื่อเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ที่ครบถ้วน ทั้งด้านวิชาการและวิถีชีวิตของไทย
โครงการปี 2569 นี้สานต่อความสำเร็จของ Study Trip 2568 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักศึกษาและคณาจารย์ โดยในปีที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่การฟังบรรยายเชิงวิชาการที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การศึกษาดูงานกระบวนการยุติธรรมไทย ณ ศาลปกครองและกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนกิจกรรมเรียนรู้วัฒนธรรม อาทิ การเยี่ยมชมวัดพระแก้ว การล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา และการทำกิจกรรมชุมชนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทั้งหมดช่วยเปิดมุมมองให้เห็นถึงการทำงานของระบบกฎหมายและสังคมไทยอย่างรอบด้าน มากกว่าการเรียนรู้จากตำราเพียงอย่างเดียว

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com