|
|
'เครือ รพ.พญาไท-เปาโล' ผ่านการรับรองระบบการจัดการนวัตกรรม
เครือโรงพยาบาลพญาไทเปาโล ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 56001:2024 ด้านระบบการจัดการนวัตกรรม (Innovation Management System) เป็นองค์กรแรกของประเทศไทย
การตรวจประเมินจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม 2568 โดย สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI) ซึ่งสรุปผลว่าองค์กรได้นำระบบไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และไม่พบข้อบกพร่อง สะท้อนความมุ่งมั่นของ PIL ในการสร้างระบบนวัตกรรมที่มีโครงสร้างชัดเจน ครบวงจร และวัดผลได้
ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการวาง วัฒนธรรมและระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ทั่วทั้งเครือโรงพยาบาลฯ ควบคู่กับกระบวนการพัฒนาที่ชัดเจนอย่าง G5 Innovation Journey รวมถึงการเชื่อมการทำงานแบบ Open Innovation ให้บุคลากรทุกระดับมีส่วนร่วม ตั้งแต่งานวิจัยจนถึงการนำไปใช้จริง ผ่านหน่วยงานขับเคลื่อนหลัก ได้แก่ PIL (Phyathai-Paolo Innovation Lab), CPRIA (Center of Private Research and Innovation Accelerator), CIL (Center of Interactive Learning) และแพลตฟอร์มการเรียนรู้นวัตกรรมภายใน CILA (Continuous Innovation Learning Academy)
นอกจากจะต่อยอดจากความสำเร็จด้านรางวัล นวัตกรรมแห่งชาติ ที่ PIL เคยได้รับในปี 2565 และ 2567 การได้รับรอง ISO 56001:2024 ยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของคู่ค้าและพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกองค์กร วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน และสนับสนุนวิสัยทัศน์ของเครือฯ ในการเป็น องค์กรนวัตกรรม ที่พร้อมปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้รับบริการและศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง การได้รับรอง ISO 56001:2024 คือความภาคภูมิใจของทีมงานทุกคน และเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐานใหม่ในการทำงานของเรา เราจะยังคงยึด คน เป็นศูนย์กลางทั้งผู้ป่วยและบุคลากรและ ไม่เคยหยุดพัฒนา เพื่อสร้างคุณค่าที่จับต้องได้ให้กับระบบสุขภาพไทย
Go To Lead
|
|
หนุนแม่ให้นมลูกครบ 6 เดือน
แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ในประเทศไทย อยู่ที่ร้อยละ 28 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนพบว่า ได้แก่ กัมพูชา ร้อยละ 51 อินโดนีเซีย ร้อยละ 51 เมียนมา ร้อยละ 51 มาเลเซีย ร้อยละ 40 ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 33 ลาว ร้อยละ 44 เวียดนาม ร้อยละ 24 เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ กรมอนามัยจึงจัดทำแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพมารดาและเด็กปฐมวัย ตั้งแต่โรงพยาบาลสู่ชุมชน เช่น การเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ จัด Family planning ร่วมกับคลินิก NCDs กรองความเสี่ยง ดูแลรายบุคคล จัด Standard ANC ยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก โฟลิก ไอโอดีน และป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
จัดเตรียม Standard Labor Room สร้าง One Province One Labor Room ติดตามเยี่ยมหลังคลอด 3 ครั้ง เฝ้าระวังภาวะ Postpartum Blues และคัดกรองพิการแต่กำเนิด พัฒนาคลินิกสุขภาพเด็กดี สพด. ต่ำกว่า 2 ปี โดยจัดโรงเรียนพ่อแม่ พร้อมส่งเสริมมาตรฐาน 4D นมแม่ พรบ.นมผง และจัดตั้ง สพด. ต่ำกว่า 2 ปี ที่ได้คุณภาพตามแนวทาง 3S (Structure, System, Staff) และสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย (4D) โดยบูรณาการการขับเคลื่อนหน่วยบริการสาธารณสุข เครือข่ายชุมชน พร้อมยกระดับคุณภาพ สพด. (4D) พัฒนาศักยภาพครู และสร้างความรอบรู้กิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ สำหรับการดำเนินงานในชุมชน กรมอนามัยจะสร้าง Health Literacy เพื่อเตรียมความพร้อมการตั้งครรภ์ และการฝากครรภ์เร็ว ผ่านอสม.แม่และเด็ก จัดรถฉุกเฉินสำหรับหญิงคลอด จุดพัก และบ้านพักรอคลอด เยี่ยมหลังคลอด และเฝ้าระวัง Postpartum Blues โดยชุมชน
Go To Lead
|
สถิติใหม่! คนไทยเป็นเบาหวานทะลุ 6.1 ล้านคน
ศ.เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อ และผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ในฐานะผู้นำด้านการแพทย์เชิงป้องกัน ขอเชิญชวนให้ทุกคนหันมาใส่ใจและดูแลตัวเอง รู้ก่อน ปรับก่อน ป้องกันได้ เพื่อห่างไกลจากโรคเบาหวาน ซึ่งแม้จะมีการรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงภัยเงียบของโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้ป่วยกลับเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นเดียวกับทั่วโลก โดยสถิติล่าสุดในปี 2568 มีผู้เป็นเบาหวานกว่า 6.1 ล้านคน และ ยังมีผู้เป็นเบาหวานถึง 27% หรือ 1.6 ล้านคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน โรคเบาหวานมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่ค่อย ๆ สะสมจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารปริมาณมากเกินควร อ้วนลงพุง ขาดการออกกำลังกาย และเครียดเรื้อรัง ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเบาหวานและโรคเรื้อรังอื่น ๆ
สำหรับความเชี่ยวชาญของ โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ไม่ได้อยู่ที่การรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันโรคมากกว่าการรอรักษาเมื่อเจ็บป่วย โดย ได้กล่าวถึงแนวคิดที่แตกต่างนี้ว่า โรงพยาบาลส่วนใหญ่เน้นให้คนกลับมาใช้บริการ แต่ Theptarin Model มุ่งให้คนดูแลตัวเองได้ เราเชื่อว่าการให้ความรู้และการปรับพฤติกรรมเป็นหัวใจสำคัญของการชะลอและหยุดยั้งโรคเรื้อรัง หรือหากเป็นแล้วก็จะสามารถควบคุมโรค ชะลอภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้
ทั้งนี้ โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่สร้างภาระด้านสุขภาพเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ปัจจุบันคนไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน 45% หรือ 27.4 ล้านคน และมีคนที่เสี่ยงเป็นเบาหวานในอนาคตถึง 5.7 ล้านคน การเข้าใจกลไกของโรคและลงมือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ คือ กุญแจสำคัญในการลดภาระด้านสุขภาพของประเทศ โรคเบาหวานไม่ใช่โรคที่ไกลตัว การตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนับเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกัน สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเริ่มมีสัญญาณเตือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองที่แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น การตรวจค่า A1C เพื่อหาค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสมในเลือดตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ถ้าน้ำตาลสูงกว่าปกติ ควรตรวจความทนต่อระดับน้ำตาลในเลือด (OGTT) ส่วนผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับพฤติกรรมควบคู่กันไป เพื่อคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด และหากต้องการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์และต่อมไร้ท่อเทพธารินทร์ โรงพยาบาลวิมุตเทพธารินทร์ โทร. 02-348-7000 ต่อ 4024 หรือ 4020 ทุกวัน 8.00 16.00 น.
Go To Lead
|
|
อักษรยกระดับการเรียนรู้สู่มาตรฐานสากลร
นายชัยณรงค์ ลิมป์กิตติสิน กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทอักษร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทร่วมมือกับ Foreign Language Teaching and Research Press หรือ FLTRP องค์กรพัฒนาสื่อการเรียนการสอนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศทั้งในและนอกประเทศจีนแห่ง Beijing Foreign Studies University ต่อยอดความสำเร็จจากหนังสือเรียนภาษาจีนระดับประถมศึกษา ??!GO FOR IT! ที่ผลตอบรับดีเกินคาด มุ่งพัฒนาหนังสือเรียนภาษาจีนระดับมัธยมศึกษา ?? FUTURE และ ???? DISCOVER CHINA เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยให้สอดคล้องกับแนวทางการเรียนรู้ แห่งศตวรรษที่ 21 ที่มีเนื้อหาที่ทันสมัย สะท้อนสภาพวิถีสังคม และใช้สื่อสารได้ในสถานการณ์จริงที่มีผลตอบรับอย่างดี จึงมุ่งพัฒนาหนังสือเรียนภาษาจีนระดับมัธยมศึกษา ?? FUTURE และ ???? DISCOVER CHINA เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยให้สอดคล้องกับแนวทางการเรียนรู้ แห่งศตวรรษที่ 21 ที่มีเนื้อหาที่ทันสมัย สะท้อนสภาพวิถีสังคม และใช้สื่อสารได้ในสถานการณ์จริง
หนังสือเรียนภาษาจีนระดับชั้นมัธยมศึกษา ?? FUTURE และ ???? DISCOVER CHINA ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์พัฒนาการของผู้เรียนที่ก้าวสู่ช่วงวัยที่ต้องการความเข้าใจลึกซึ้ง ใช้ภาษาที่ถูกต้องคล่องแคล่ว โดยเนื้อหาออกแบบอย่างเป็นระบบและต่อยอดจากระดับชั้นประถมฯ สอดแทรกเนื้อหาที่ช่วยให้นักเรียนฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน อย่างครบถ้วน เพื่อให้สามารถนำภาษาจีนไปใช้สื่อสารได้จริงในชีวิตประจำวัน หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของหนังสือ ?? FUTURE และ ???? DISCOVER CHINA คือการออกแบบให้มี โมดูลการเรียนรู้แบบยืดหยุ่น ที่เปิดโอกาสให้ครูเลือกเนื้อหาตามพื้นฐานและศักยภาพของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านไวยากรณ์ การอ่าน หรือวัฒนธรรม พร้อมบูรณาการแนวคิด ความหลากหลายของการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรม ภาพ เสียง และสื่อโต้ตอบ เพื่อให้นักเรียน แต่ละคนได้เรียนรู้ด้วยวิธีที่เหมาะกับตนเอง หนังสือเรียนภาษาจีนระดับชั้นมัธยมศึกษา ?? FUTURE และ ???? DISCOVER CHINA ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์พัฒนาการของผู้เรียนที่ก้าวสู่ช่วงวัยที่ต้องการความเข้าใจ ลึกซึ้ง ใช้ภาษาที่ถูกต้องคล่องแคล่ว
โดยเนื้อหาออกแบบอย่างเป็นระบบและต่อยอดจากระดับชั้นประถมศึกษา สอดแทรกเนื้อหาที่ช่วยให้นักเรียนฝึกฟัง พูด อ่าน เขียนอย่างครบถ้วน เพื่อให้สามารถนำภาษาจีนไปใช้สื่อสารได้จริง หนึ่งในจุดเด่น สำคัญของหนังสือ ?? FUTURE และ ???? DISCOVER CHINA คือการออกแบบให้มี โมดูลการเรียนรู้แบบยืดหยุ่น ที่เปิดโอกาสให้ครูเลือกเนื้อหาตามพื้นฐานและศักยภาพของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านไวยากรณ์ การอ่าน หรือวัฒนธรรม พร้อมบูรณาการแนวคิด ความหลากหลายของการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรม ภาพ เสียง และสื่อโต้ตอบ เพื่อให้นักเรียน แต่ละคนได้เรียนรู้ด้วยวิธีที่เหมาะกับตนเอง
นอกจากหนังสือเรียนแล้ว อักษรยังได้พัฒนาสื่อดิจิทัล เช่น สื่อดิจิทัลสอนเขียน แบบฝึกหัดออนไลน์ คลิปเสียง และวิดีโอประกอบการเรียนรู้ โดยเน้นการใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนภาษาจีนที่สนุก เข้าใจง่าย เน้นการมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงการเรียนรู้ โดยเป้าหมายของอักษรและ FLTRP คือการร่วมสร้างสื่อการเรียนรู้ คุณภาพเพื่ออนาคตของการศึกษาภาษาจีนในไทย เป็การผสานความเชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาจีนกับความเข้าใจ บริบทของประเทศไทย นำไปสู่การยกระดับการสอนภาษาจีนในโรงเรียนไทยให้มีมาตรฐานสากล พร้อมเปิดประตูสู่โลก แห่งภาษาและวัฒนธรรมที่กว้างขึ้นสำหรับเยาวชนไทย
Go To Lead
|
จุฬาฯ เปิดหลักสูตร Chula-LGO ยกระดับการศึกษา
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามร่วมกับนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมมือกันพัฒนาและสนับสนุน หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิชานวัตวิศวกรรมเพื่อความยั่งยืน และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ (Chula LGO)
สำหรับหลักสูตร Chula-LGO เป็นหลักสูตรควบระดับปริญญาโทสองปริญญา เป็นการบูรณาการความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี วิศวกรรม ธุรกิจ และการจัดการองค์กร ที่เน้นการเรียนรู้ทั้งเชิงทฤษฎีและการปฏิบัติงานจริง ผ่านการวิจัยและกรณีศึกษาระดับโลก รวมถึงการเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกงานจริงในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้เข้าเรียนคอร์สระยะสั้น ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้นิสิตจากหลักสูตรนี้มีทักษะรอบด้านและสามารถเป็นผู้นำธุรกิจยุคใหม่ในระดับสากลได้อย่างแท้จริง
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|