Finance/share
Hot News: BAAC Matching 'หนุน'เกษตรกร
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
BAAC Matching
'หนุน'เกษตรกร
ธ.ก.ส. 'หนุน'เกษตรไทยสู่ตลาดดิจิทัล เปิดตัว BAAC Matching แพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะเชื่อมโยงลูกค้า ธ.ก.ส. เกษตรกรรายย่อย วิสาหกิจชุมชนกับผู้บริโภคโดยตรงไว้ในที่เดียว โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าเกษตร มีคุณภาพจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว เพียงไม่กี่คลิก พร้อมจัดส่งสินค้าถึงหน้าบ้านผู้บริโภคโดยตรง หรือเลือกรับสินค้าได้ที่ Branch Outlet ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ มาร่วมสร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร อันนำไปสู่การเติบโตในภาคการเกษตรอย่างมั่นคงและยั่งยืน เปิดตัวแล้ววันนี้ผ่าน https://baacmatching.baac.or.th
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เดินหน้าสนับสนุนการยกระดับภาคการเกษตรไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เปิดตัวเว็บไซต์ BAAC Matching แพลตฟอร์มดิจิทัล ที่จะเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดตลอดห่วงโซ่ เพื่อสร้างโอกาส สร้างงานและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อย วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการเกษตรอย่างยั่งยืน ภายใต้คอนเซปต์ “BAAC Holistic : ก้าวไปด้วยกันสร้างสรรค์อนาคต ภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืน” โดย ธ.ก.ส. จะรวบรวมและเชื่อมโยงสินค้าแกลมเกษตรจากลูกค้า ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ พร้อมจัดหมวดสินค้าให้ผู้บริโภค
ใช้งานได้ง่ายและสะดวกต่อการเลือกซื้อมาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อสร้างช่องทางการตลาดใหม่ให้เกษตรกรและผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อตรงจากร้านค้าผู้ประกอบการลูกค้า ธ.ก.ส. โดยเปิดตัวแล้ววันนี้ผ่าน https://baacmatching.baac.or.th
ธ.ก.ส. ได้คัดสรรสินค้าครอบคลุม 19 หมวดสินค้า เปิดตัวเฟสแรกนำร่อง 60 รายการ อาทิ ผลิตภัณฑ์กลุ่มข้าวพร้อมทานแบรนด์อุ่นอิ่มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ สามารถเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติได้ถึง 18 เดือน หรือนำเข้าไมโครเวฟ 60 วินาที
ก็หอม อร่อย พร้อมทานเหมือนข้าวหุงใหม่ โดยมีถึง 5 ประเภท ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวหอมมะลิแดง และข้าวหอมนิล จากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด (สกต. ร้อยเอ็ด) สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด (สกต. สุรินทร์) สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครปฐม จำกัด (สกต. นครปฐม) กลุ่มอาหารกึ่งสำเร็จรูป อาทิ สุกี้เส้นมะพร้าวพร้อมทาน ผัดไทยพร้อมปรุง ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาเส้นมะพร้าวพร้อมทาน ตราชฎาไท จากวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารนิศานาฏ จังหวัดอยุธยา ที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพและกระบวนการที่ได้มาตรฐานจนกลายเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่พกพาได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา พร้อมปรุง เพียงใส่น้ำร้อนก็สามารถรับประทานได้ทันที
และกลุ่มเครื่องดื่มและอาหารทานเล่น อาทิ ขนมข้าวกล้องอบกรอบจากแบรนด์ซัมธิงไรซ์ ที่ผลิตจากข้าวไรซ์เบอร์รีผ่านกระบวนการแปรรูปที่ได้มาตรฐาน กรอบ อร่อย เคี้ยวเพลิน หลากหลายรสชาติ และน้ำสับปะรดกระป๋อง แบรนด์ Sure Juice จากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ราชบุรี จำกัด (สกต. ราชบุรี) ที่ผลิตจากสับปะรดแท้ 100% ผ่านกระบวนการแปรรูปให้สามารถเก็บรักษาความสดใหม่ไว้ได้นาน พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม (AI & Data Analytics) มาใช้ในการจัดรายการสินค้าให้ง่ายต่อการเลือกซื้อตามความต้องการของผู้บริโภค ทั้งการจัดหมวดสินค้าขายดี (Best Seller) และสินค้าแนะนำ (Recommend Product) เพื่อนำเสนอสินค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมจัดรูปแบบการใช้งานเว็บไซต์ให้รองรับทุกอุปกรณ์ ใช้งานง่ายทั้งบนโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ โดยเตรียมขยายผลการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบ BAAC Matching ในระยะต่อไปผ่านการเลือกซื้อหรือรับสินค้าได้ที่ Branch Outlet ที่สาขา ธ.ก.ส. หรือสโมสรพนักงาน ธ.ก.ส. กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์และการสร้างภาพลักษณ์อันโดดเด่น ทันสมัย ด้วยการ Repackage และ Redesign โดยวางเป้าหมายสินค้าที่ต้องดำเนินการเบื้องต้น จังหวัดละ 3 ประเภท รวม 231 รายการ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเกษตรกร ทั้งเกษตรกรรุ่นใหม่ เกษตรกรหัวขบวน โดยเฉพาะเกษตรกรกลุ่มเปราะบางให้มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและสร้างรายได้ โดยสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้แก่สินค้าที่ได้รับเครื่องหมาย A-Product และสินค้า Essence Glam พร้อมเดินหน้าผลักดันการสร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูงที่สามารถจำหน่ายในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ และการยกระดับการประกอบอาชีพของเกษตรกร
ทุกมิติตามแนวทางแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) และการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น เสริมสร้างการเติบโตภาคเกษตรไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Go To Lead


บลจ.กรุงศรี โชว์ผลงานปี 2568 โตเหนืออุตสาหกรรม แนะนำจัดพอร์ต
นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “ในปี 2568 บริษัทมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารอยู่ที่ 714,755 ล้านบาท เติบโต 10% ตั้งแต่ต้นปี และสูงกว่าอุตสาหกรรม 3% โดยกองทุนรวมยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัทและมีการเติบโตโดดเด่นถึง 13% ตั้งแต่ต้นปี สูงกว่าอุตสาหกรรม 6% การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ได้รับประโยชน์จากเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิกว่า 57,000 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิทั้งหมด ทั้งนี้ กองทุนรวมของ บลจ.กรุงศรี มีขนาดใหญ่อันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรม” (ข้อมูล ณ ก.ย. 68)
“กองทุนรวมของ บลจ.กรุงศรี ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ กองทุนกรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้–สะสมมูลค่า (KFSMART-A) มีเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 35,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรมในกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้–สะสมมูลค่า (KFAFIX-A) ซึ่งมีเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 39,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ของอุตสาหกรรมในกลุ่มตราสารหนี้ระยะกลาง”
“นอกจากนี้ ในปี 2568 บลจ.กรุงศรี ยังได้รับรางวัลจากสถาบันชั้นนำระดับสากลรวมทั้งสิ้น 13 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลจากสถาบันในประเทศ 5 รางวัล รวมถึงรางวัลจากสถาบันต่างประเทศอีก 8 รางวัล ครอบคลุมทั้งรางวัลบริษัทจัดการกองทุนรวมดีเด่น รางวัลการบริหารกองทุนตราสารหนี้ และรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมประเภทต่างๆ สะท้อนถึงศักยภาพ ความเป็นมืออาชีพ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบริษัท” (ข้อมูล ณ พ.ย. 68)สำหรับแผนธุรกิจปี 2569 บริษัทยังคงมุ่งพัฒนากองทุนและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ภาวะตลาด โดยเพิ่มความหลากหลายของกองทุนสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงกองทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนรายย่อยและผู้ลงทุนรายใหญ่ พร้อมขยายช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งยกระดับประสบการณ์ใช้งานผ่าน @ccess Mobile อย่างต่อเนื่อง”
“ด้านมุมมองเศรษฐกิจโลกปี 2569 นายศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น หลายประเด็นมีความชัดเจน เช่น การผ่อนคลายมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางการค้าที่ลดลง และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ ค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแข็งค่าจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจประเทศหลักจะฟื้นตัวแตกต่างกัน แต่ภาพรวมยังอยู่ในทิศทางขยายตัว เห็นได้จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวและเงินเฟ้อใกล้ระดับเป้าหมาย ส่วนเศรษฐกิจจีนยังเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัวของการบริโภคและปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากการปรับขึ้นค่าจ้างและนโยบายของรัฐบาลใหม่”
“ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่พื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดตราสารหนี้เริ่มฟื้นตัวจากทิศทางการลดดอกเบี้ย ซึ่งเหมาะกับการทยอยลงทุนของนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจโลกมาจากการเติบโตของเทคโนโลยีและ AI รวมถึงการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการยุติการลดขนาดงบดุลของเฟด (QT) วงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดโลก แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาการเมืองฝรั่งเศสที่อาจนำไปสู่วิกฤติในยุโรป และการแทนที่แรงงานด้วย AI ที่ส่งผลต่อการว่างงาน ธีมการลงทุนเด่นในปี 2569 ได้แก่ หุ้นกลุ่ม AI, หุ้นสหรัฐฯ ที่ได้แรงสนับสนุนจากการลงทุนด้าน AI และการลดภาษี, หุ้น Healthcare ที่ราคาหุ้นไม่แพง, และหุ้นเทคโนโลยีจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนา AI อย่างรวดเร็ว กองทุนเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ KFGDIV, KFHEALTH, และ KFCHINA-T10PLUS ซึ่งคัดเลือกหุ้นคุณภาพจากกลุ่มเติบโตสูง และได้แรงหนุนจากทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปี 2569”
“เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งออกที่ปรับตัวดี และภาคการผลิตที่ฟื้นตัวตามตลาดโลก ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าคาด แม้ยังมีปัจจัยต้องติดตาม เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความล่าช้าในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่เศรษฐกิจเทคโนโลยี ด้านตลาดหุ้นไทยปี 2569 ยังคงน่าสนใจจากระดับราคาที่ไม่สูงเมื่อเทียบภูมิภาค และอัตราเงินปันผลมากกว่า 4% ต่อปี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ออกมาดี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่ผลประกอบการเด่น กองทุนหุ้นไทยแนะนำ ได้แก่ KFENS50 และ KFTSTAR บลจ.กรุงศรี ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยประเมินว่าเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยในช่วง 1–2 ปีข้างหน้า ประกอบกับเงินเฟ้อไทยอยู่ในระดับต่ำและอาจติดลบในปี 2568 จึงมีโอกาสที่ธปท.จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1–2 ครั้งสู่ระดับ 1.00–1.25% ภายในครึ่งแรกของปี 2569 กองทุนตราสารหนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่ KFSMART-A และ KFAFIX-A ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศยังคงน่าสนใจ เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และตราสารหนี้คุณภาพสูง โดยกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแนะนำคือ KF-CSINCOME ที่กระจายการลงทุนทั่วโลกได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะกับสภาวะตลาดที่ยังผันผวน”

Go To Lead


TAGTHAi'รุก'กีฬาซีเกมส์ 2568 หนุนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
นางธีรธิดา คุวันทรารัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด หรือ TAGTHAi เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัด มหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2568 (SEA Games 2025) ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะได้แสดงศักยภาพความพร้อมทางด้านกีฬา แต่ยังได้ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ผ่านการต้อนรับทัพนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และแฟนกีฬาจากนานาชาติ ดังนั้น การเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ในครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่ TAGTHAi ภูมิใจ ที่จะได้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
TAGTHAi ได้มอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ติดตาม กองเชียร์ และนักท่องเที่ยว ที่เข้าร่วมชมกีฬาในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2568 รับส่วนลด 15% เพียงใช้โค้ด “TTSEAGAME15” เมื่อซื้อตั๋วที่ร่วมรายการบนฟีเจอร์ Tickets & Tours หรือซื้อ TAGTHAi Day Pass สำหรับท่องเที่ยวในจังหวัดยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ อยุธยา และสมุทรสงคราม เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติได้สัมผัสเสน่ห์ของเมืองไทยในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของมิตรภาพและการกีฬาจากภูมิภาคอาเซียน โดยสามารถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568-31 มกราคม 2569
นางธีรธิดา กล่าวตอนท้ายว่า TAGTHAi เชื่อว่าการมีส่วนร่วมในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2568 จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวของอาเซียน พร้อมสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาวต่อไป ด้วยการเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการไทยผ่านเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ช่วยกระจายรายได้สู่ธุรกิจท้องถิ่น และเสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้นในตลาดนักท่องเที่ยวระดับภูมิภาค

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com