Insurance
Go to  i click
Hot News: คปภ. เดินหน้า ปรับกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ใช้ e-Policy เพิ่มความสะดวก–รวดเร็ว มีผล 1 มกราคม 2569
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
คปภ. เดินหน้า ปรับกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ
ใช้ e-Policy เพิ่มความสะดวก–รวดเร็ว มีผล 1 มกราคม 2569
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาฯ คปภ. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 66/2568 เรื่อง ให้ใช้แบบและข้อความตารางกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ การออกและส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว โปร่งใส และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล
โดยภายใต้คำสั่งดังกล่าว กำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องจัดทำและออกกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยสามารถรับกรมธรรม์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถแสดงหลักฐานการมีประกันภัยได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการลดปัญหาเอกสารสูญหาย ชำรุด หรือหาไม่เจอ เมื่อต้องการเคลมประกันภัย เป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้ทันสมัยและสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของเทคโนโลยีในระดับประเทศ โดยธุรกิจประกันภัยได้เตรียมความพร้อมแบบเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี หรือการส่งมอบข้อมูล ซึ่งทำให้สามารถรองรับการเปลี่ยนผ่านจากการออกกรมธรรม์ประกันภัย ในรูปแบบกระดาษสู่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) ได้อย่างราบรื่น
การขับเคลื่อนกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) นับเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยที่ก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ของตนเองได้ง่ายขึ้น สามารถตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ ความคุ้มครอง รวมถึงวันหมดอายุของกรมธรรม์ได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ในขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกระทบสิทธิประโยชน์ของประชาชนหรือผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการให้เท่าทันกับยุคสมัย เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว โปร่งใส และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเป็นการอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลการมีกรมธรรม์ประกันกันภัยของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้การชำระภาษีรถประจำปีกับกรมการขนส่งทางบก รวมถึงการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากรถของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงาน สามารถตรวจสอบได้จากนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ www.oic.or.th
นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวยังสอดรับกับนโยบายภาครัฐในการพัฒนาระบบบริหารการจัดการข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยเพิ่มความโปร่งใส ลดภาระงานเอกสารของประชาชน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลด Carbon Footprint ตามแนวทาง Net Zero และสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐสามารถเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับผู้ให้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้กระบวนการให้บริการด้านประกันภัยมีความรวดเร็ว ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาระบบประกันภัยไทย ให้ก้าวทันโลกดิจิทัล และนำไปสู่ความเป็นธรรม และการคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน

Go To Lead


ทิพยประกันภัย ขับเคลื่อนนวัตกรรมศาสตร์พระราชา
เปลี่ยนโลกอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดสร้างคุณค่าจากสิ่งที่ไร้ราคา
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ศาสตร์พระราชาสอนเราเสมอว่า ทุกสิ่งมีคุณค่า หากเราใช้ปัญญามองให้ลึกและคิดให้ไกล การนำวัสดุเหลือใช้หรือสิ่งที่เคยมองว่าไม่มีราคา มาต่อยอดเป็นนวัตกรรม เป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะเรากำลังสร้างคุณค่าใหม่ให้ทรัพยากร ช่วยสิ่งแวดล้อม และสร้างอาชีพให้ชุมชนไปพร้อมกัน”ถัดจากการเรียนรู้วัสดุก่อสร้างทางเลือก คณะผู้เข้าร่วมได้ศึกษานวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูงอย่าง “วาซาบิ” ซึ่งเพ ลา เพลิน พัฒนาระบบการปลูกภายใต้สภาพแวดล้อมควบคุมอย่างพิถีพิถัน พืชที่หลายคนคิดว่า “ปลูกไม่ได้ในไทย” กลับเติบโตได้ด้วยองค์ความรู้ด้านเกษตรศาสตร์ เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิ และการจัดการน้ำอย่างแม่นยำ แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงริเริ่ม “โครงการหลวงดอยอ่างขาง” ให้เป็นพื้นที่ทดลองปลูกพืชเมืองหนาว เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ลูกพลับ แมคคาเดเมียรวมถึงการเลี้ยงปลาเทราต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่า “เป็นไปไม่ได้ในประเทศไทย” แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานความรู้ การปลูกวาซาบิที่เพ ลา เพลิน จึงเป็นตัวอย่างร่วมสมัยของแนวคิดเดียวกันการใช้ “ความรู้” และ “การจัดการอย่างถูกต้อง” มาเปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นโอกาส เพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร และสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างมั่นคง สะท้อนหัวใจของศาสตร์พระราชาที่ว่า การพัฒนาที่แท้จริงต้องเริ่มจากการเข้าใจธรรมชาติ ใช้เหตุผลเป็นฐาน และมุ่งสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม โดยคณะได้จัดกิจกรรม การปล่อยปลาไถ่ชีวิตเป็นมหาทาน และการมอบชุดหนังสือจากโครงการ “อมรินทร์อาสาอ่านพลิกชีวิต” ให้กับโรงเรียนบ้านโสกแต้ เพื่อเสริมโอกาสด้านการอ่านและการเรียนรู้ให้กับเยาวชนในพื้นที่ ตอกย้ำบทบาทของโครงการที่มุ่งสร้าง “ความยั่งยืนทางปัญญา” เคียงคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทางโครงการยังจัดให้มีการสัมมนาและเวิร์คช็อปเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันความรู้ อาทิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี และอาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ผู้คิดค้นนวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 หรือ Interactive Board Game หนึ่งเดียวในโลก เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2030
อนึ่ง โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย มูลนิธิธรรมดี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานบุรีรัมย ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งต่อไปสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊ก: ตามรอยพระราชา-The King's Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรซึ่งสามารถนาไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจากคุรุสภาได้ โครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ครั้งที่ 58 นำผู้เข้าร่วมโครงการ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ณ อุทยานเรียนรู้เพ ลา เพลิน ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก สร้างคุณค่าจากสิ่งที่ไร้ราคา” นวัตกรรมที่เกิดจากการไม่ปล่อยสิ่งเหลือทิ้งให้ไร้ประโยชน์ สะท้อนแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า คิดอย่างเป็นระบบ พัฒนาอย่างประหยัด และต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของชุมชน
ครั้งนี้ โครงการพาผู้เข้าร่วมไปสัมผัสนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ โดยเฉพาะงานวิจัยและการพัฒนาวัสดุก่อสร้างจาก “ต้นกัญชง” หรือ “Hempcrete” นวัตกรรมการนำแกนต้นกัญชง ซึ่งเป็นวัสดุเหลือจากการเก็บเกี่ยวมาพัฒนาเป็นวัสดุก่อสร้างทดแทนปูนซีเมนต์ โดยผสมกับปูนขาวและน้ำ เกิดเป็นคอนกรีตที่มีคุณสมบัติเบา แข็งแรง ระบายอากาศดี และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมาก ผู้เข้าร่วมได้ลงพื้นที่ชมบ้านต้นแบบที่สร้างด้วย Hempcrete ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “ของที่ดูไร้ค่า” หากได้รับการคิดใหม่และพัฒนาอย่างเป็นระบบ ก็สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ชุมชน และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว แนวคิดนี้สะท้อนหลัก “ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า” ตามศาสตร์พระราชา ที่ให้ความสำคัญกับการต่อยอดสิ่งที่มี เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน

Go To Lead


gettgo ขอบคุณความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศ
แจกโปรประกันรถระยะสั้น จากวิริยะประกันภัย ราคาเดียวเพียง 599 บาท
นายวรวัฒน์ โรจน์รังษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดปี 2568 เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นกำลังใจสำคัญให้ทีมงาน gettgo มุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์ด้านประกันภัยให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น แคมเปญนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้ทดลองเปิดใจ และสัมผัสประสบการณ์ความคุ้มค่า ในการซื้อประกันออนไลน์ที่ง่ายและรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มของเรา” gettgo ขอเชิญชวนให้ลูกค้าใหม่ทุกท่านเปิดใจลองใช้ประกันรถยนต์ระยะสั้น สู่ความคุ้มค่า รูปแบบใหม่ กับโปรโมชัน ‘ทดลองใช้สุดคุ้มกับประกันรถยนต์ระยะสั้น 30 วันลดเหลือเพียง 599 บาทเท่านั้น’ โดยโปรโมชันนี้ลูกค้าสามารถกรอกโค้ด ML599 ในหน้าชำระเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 - 31 ธันวาคม 2568 ซื้อง่ายใน 3 ขั้นตอนเพียง กรอกข้อมูลรถ เลือกบริษัท ชำระเงิน ซื้อออนไลน์เลยที่ https://s.gettgo.com/vir599
นอกจากประกันรถระยะสั้น 30 วันแล้ว ที่ gettgo ยังเพิ่มจำนวนวันคุ้มครองสำหรับประกันรถระยะสั้น เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถเลือกซื้อในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น สำหรับ 90 วัน และ 180 วันอีกด้วย ในโอกาสส่งท้ายปี gettgo ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มอบความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้เราเป็นเพื่อนคู่ใจเรื่องประกันภัยตลอดปีที่ผ่านมา และพร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การ “ซื้อประกัน” เป็นเรื่องเข้าถึงง่าย คุ้มค่า และไว้วางใจได้ คำเตือน : ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

Go To Lead


วิริยะประกันภัย รุดมาตรการเร่งช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุวิกฤตอุทกภัยภาคใต้
ระดมเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมเพิ่มคู่สาย 1557 รองรับแจ้งเหตุ 24 ชม.
นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิต บ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอุทกภัยที่เกิดขึ้นฉับพลันในพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ในอีกหลายพื้นที่ยังคงน่าเป็นห่วง และต้องคอยเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยปรับระบบการรับแจ้งเหตุผ่านช่องทางสายด่วน 1557 ทั้งการเพิ่มคู่สาย และการโอนรับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนหาดใหญ่ที่ยังไม่สามารถเปิดทำการตามปกติได้ ไปยังศูนย์ฯ สุราษฎร์ธานี และศูนย์ฯ ราชปรารภ กรุงเทพฯ เพื่อให้บริการได้ต่อเนื่อง “สำหรับข้อมูลการรับแจ้งเหตุความเสียหายรถยนต์จากผู้เอาประกันภัย ตามรายงานของศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในพื้นที่ภาคใต้ ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2568 มีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ จำนวนรวมประมาณ 4,300 คัน มูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้จนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการประเมินความเสียหาย โดยพื้นที่ที่มีรถยนต์ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด คือ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 3,800 คัน ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดสงขลา จำนวน 156 คัน จังหวัดปัตตานี จำนวน 75 คัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 56 คัน จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 28 คัน จังหวัดพัทลุง จำนวน 28 คัน และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบเล็กน้อย ส่วนด้านความเสียหายของบ้านเรือน ในขณะนี้มีการแจ้งเคลมเข้ามาประมาณ 180 หลัง และคาดว่าอาจมีการแจ้งเพิ่มเติมในระยะต่อไปเมื่อประชาชนสามารถจัดการความเป็นอยู่เบื้องต้นได้แล้ว” นายอมรกล่าว
นายอมร กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจชั่วคราวขึ้นที่ศูนย์ฯ สงขลา เพื่อเป็นฐานบัญชาการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน โดยภายหลังจากสถานการณ์ในพื้นที่หาดใหญ่คลี่คลายลง จึงย้ายศูนย์ฯ เฉพาะกิจมาอยู่ที่ศูนย์ฯ หาดใหญ่ พร้อมระดมสรรพกำลัง ทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ และเจ้าหน้าที่สรุปความเสียหาย จากศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในพื้นที่ภาคใต้ มาช่วยงานที่ศูนย์ฯ หาดใหญ่ โดยมีการแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงาน 8 โซน ในการลงพื้นที่พบลูกค้าถึงบ้านเพื่อดำเนินการสำรวจความเสียหาย และจัดการด้านสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วที่สุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความเชี่ยวชาญจากการปฏิบัติการ FIRST AID ในเหตุการณ์อุทกภัยหลายครั้งที่ผ่านมา และมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะต้องใช้ความรวดเร็วในการเข้าไปยังพื้นที่น้ำท่วมที่สามารถเข้าถึงได้ และนำรถยนต์ออกจากน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ความเสียหายขยายตัวไปมากกว่าเดิม
“บริษัทฯ ได้มีการประสานรถยกประมาณ 70 คัน เพื่อเข้าไปดำเนินการยกรถออกจากพื้นที่ประสบภัย โดยระดมรถยกจากหลายจังหวัด รวมถึงจากกรุงเทพฯ เพื่อเร่งช่วยเหลือลูกค้า แม้จะประสบอุปสรรคจากถนนที่ยังเต็มไปด้วยเศษซาก ขยะ และรถที่จอดกีดขวางจำนวนมากก็ตาม ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าดำเนินการยกรถอย่างน้อย 2,000 คันภายใน 3 วัน โดยได้จัดหาพื้นที่จัดเก็บรถที่ปลอดภัย สามารถรองรับรถได้ประมาณ 2,000 - 3,000 คัน เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมหากเกิดเหตุพายุหรืออุทกภัยซ้ำ ขณะเดียวกัน พนักงานที่ทำหน้าที่ในการเคลมสินไหมฯ ได้เปิดเคลมไปแล้วราว 1,000 คัน และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1- 2 วัน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ในการติดต่อประสานลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามความพร้อมในการยกลากรถ รวมถึงนัดหมายเข้าตรวจสภาพความเสียหายตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลูกค้าที่พร้อมสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ทันทีผ่านศูนย์ฯ สงขลาและหาดใหญ่ รวมถึงศูนย์ฯ ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย หรือ สายด่วน 1557 กรณีหากมีการจัดซ่อมผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถเข้าสถานที่จัดซ่อมตามความประสงค์หรือเข้าศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัย”
นายอมร กล่าว กลุ่มวิริยะจิตอาสาของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารและพนักงานจากสาขาและศูนย์ฯ ยังได้ลงพื้นที่สำรวจรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมควบคู่กับการเก็บข้อมูลความต้องการด้านเครื่องอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งมายังศูนย์ประสานงานในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อประมวลผลและจัดเตรียมสิ่งของจำเป็น รวมถึงอาหารพร้อมรับประทาน ก่อนประสานเครือข่ายจิตอาสา ทั้งตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัย ดีลเลอร์รถยนต์ รวมถึงคู่ค้าพันธมิตรในพื้นที่ต่าง ๆ เข้ากระจายสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ถึงมือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอส่งมอบกำลังใจและความห่วงใยแก่ผู้ประสบภัยทุกท่าน ให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย โดยบริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมฟื้นฟูและเยียวยาให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็วสุด

Go To Lead


กรุงเทพประกันภัยครองอันดับความน่าเชื่อถือ A-(Stable) จาก S&P ต่อเนื่อง
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน จาก Standard & Poor’s หรือ S&P สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลก ที่ระดับ A- และยืนหยัดมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ของบริษัทฯ ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable) ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารจัดการที่ดี อีกทั้งยังเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยที่ยังคงครองความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ด้วยเงินกองทุนและสินทรัพย์ที่มั่นคง มีผลประกอบการที่ดี แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ถือเป็นหนึ่งในบริษัทประกันวินาศภัยของประเทศไทยที่เข้มแข็ง และส่งเสริมสถานะทางการตลาดในธุรกิจประกันวินาศภัยได้อย่างมั่นคง [ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com