|
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัว Innovation Hub Bangkok
นายสเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดเผยว่า เราขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ด้วยนวัตกรรมโซลูชั่นแบบบูรณาการสำหรับบ้าน อาคาร ศูนย์ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรม ด้วยโซลูชั่นทั้งฮาร์ดแวร์ คืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ และซอฟต์แวร์ เพื่อใช้ในการมอนิเตอร์ และตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้เรามีอำนาจในการควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และคาดการณ์การซ่อมบำรุง รวมถึงการลดคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจก โดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือการสร้างความยั่งยืนให้กับโลก และธุรกิจ การเปิดตัว Innovation Hub Bangkok ในวันนี้ นับเป็น Innovation Hub ที่รวมโซลูชั่นด้านดิจิทัล ตอบโจทย์ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อการทรานส์ฟอร์มสู่ระบบดิจิทัลให้กับธุรกิจที่ต้องการมุ่งไปสู่ความยั่งยืน Innovation Hub Bangkok ตั้งขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงเทพฯ ถนนรัชดาภิเษก โดยจัดแสดงโซลูชั่นสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมต่างๆ ครอบคลุม ที่อยู่อาศัย อาคาร โรงงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบกริดและอินฟาสตรัคเจอร์ต่างๆ ดังนี้
Industries of the Future เทคโนโลยีผสานรวมระหว่าง IT และ OT เข้าด้วยกัน มอบความยั่งยืนและยืดหยุ่นผ่านระบบอัตโนมัติ บนแพลตฟอร์มเปิด เน้นซอฟต์แวร์เป็นศูนย์กลาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ซึ่งมีตัวอย่างตัวต้นแบบการใช้งานโดยโรงงานของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซึ่งใช้โซลูชันและบริการ EcoStruxure? รวมถึงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ Modicon, Foxboro, Triconex, TeSys, Altivar และ Harmony รวมถึงซอฟต์แวร์ AVEVA Data Centers of the Future นำเสนอโซลูชั่นตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ไปจนถึงไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมรองรับการทำงานในรูปแบบเอดจ์คอมพิวติ้ง พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ที่ช่วยรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เช่น การมอนิเตอร์ การควบคุมระยะไกล การควบคุมความเย็น และการไหลเวียนของอากาศ รวมถึงซอฟต์แวร์เฉพาะของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลในดาต้าเซ็นเตอร์ และเครือข่ายได้ทั้งหมด ช่วยรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจ และลดต้นทุนทางธุรกิจ Buildings of the Future มาพร้อมเทคโนโลยีมาตรฐาน KNX โดยสามารถเชื่อมต่อกับโซลูชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับอาคารได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้การออกแบบอาคารในการรองรับการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ เช่น อาคารสำนักงาน ที่เน้นเรื่องการใช้งานและประหยัดพลังงานเป็นหลัก มีความยืดหยุ่น ให้ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ค่าพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งในโซนออฟฟิศและส่วนกลางได้อย่างครบวงจรในหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ โซลูชั่นสำหรับอาคารของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจโรงแรม เน้นที่ความสะดวกสบายและประสบการณ์ที่ดีของแขกที่เข้ามาพัก ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล สามารถใช้โซลูชั่นจัดการอาคารที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความปลอดภัยและความอุ่นใจของคนไข้ สามารถผสานรวมกับสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์อื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการ ห้องผ่าตัด ห้องพักผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถวิเคราะห์และควบคุมการทำงานของระบบในแต่ละห้องได้ตามความต้องการ Homes of the Future แสดงนวัตกรรมสำหรับบ้านของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค โซลูชั่นโฮมออโตเมชั่น เป้าหมายคือการทำให้บ้านมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากโซลูชันพลังงานในบ้านที่รองรับอนาคตและปรับขนาดได้ ตามความต้องการของผู้ใช้งานในบ้าน ช่วยตรวจสอบ ควบคุม และทำงานอัตโนมัติ พร้อมช่วยประหยัดการใช้พลังงาน พร้อมกันนี้ ยังมีโซนนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สำหรับบ้าน อาทิ สวิตช์ไฟ เต้ารับ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่มาพร้อมความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลักGrids of the Future โซลูชั่นช่วยในการบริหารจัดการพลังงาน และกริดอัจฉริยะในแบบครบวงจร ทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ ยังมีมุมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด SM Airset สวิตช์เกียร์ (Switchgear) รุ่นใหม่ล่าสุดแบบโมดูลาร์ ไร้สาร SF6 ที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อนนอกจากนี้ เรายังพร้อมให้คำปรึกษาในการปรับใช้ระบบการจัดการพลังงานและระบบดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ ในการดำเนินงานขององค์กร ปัจจุบัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีพนักงานมากกว่า 130,000 คนทั่วโลก ในประเทศไทยมีพนักงานกว่า 1,500 คน ที่พร้อมให้การต้อนรับองค์กรต่างๆ ในการเข้าเยี่ยมชม Innovation Hub Bangkok เพื่อเรียนรู้นัวตกรรม โซลูชั่นด้านดิจิทัลเพื่อนำไปปรับใช้ในองค์กร เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไป นายสเตฟาน กล่าว
Go To Lead
|
ฟูจิฟิล์ม 'รุก'แคมเปญยุติวัณโรคด้วยนวัตกรรมการแพทย์ล้ำสมัย
นายโซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฟูจิฟิล์ม ก้าวสู่ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1936 ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟิล์มเอกซเรย์ที่เป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลก เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสุขภาวะที่ดีแก่คนทั่วโลก และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพให้ครอบคลุมอย่างระบบจัดเก็บภาพและข้อมูลทางการแพทย์ PACS (Picture Archiving Communication System) รวมถึงเทคโนโลยี MRI และ CT Scan มาเสริมทัพให้โซลูชันการวินิจฉัยทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มครบวงจรมากยิ่งขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเครื่องมือเหล่านี้ได้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทางการแพทย์ขั้นสูง ก็ยิ่งยกระดับการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ฟูจิฟิล์มก้าวเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพในฐานะผู้ให้บริการ Total Healthcare Solution ชั้นนำอย่างแท้จริง เป้าหมายหลักของเราคือการยกระดับด้านการแพทย์และสุขภาพให้สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในการยุติวัณโรคภายในปี ค.ศ. 2030 เราจึงเร่งเดินหน้าต่อสู้กับวัณโรค โดยมุ่งเน้นที่การตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ ผ่านนวัตกรรมอันล้ำสมัยของเรา"
การตรวจพบการติดเชื้อตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเป็นหัวใจสำคัญของการยุติการแพร่ระบาดของวัณโรคตามแผน SDGs ภายในปี ค.ศ. 2030 โดยเครื่องเอกซเรย์ FDR Xair ของฟูจิฟิล์ม ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายนี้ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา และทำงานได้ด้วยแบตเตอรี่ในตัว ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถทำการตรวจคัดกรองวัณโรคในพื้นที่ห่างไกลได้ ฟูจิฟิล์ม ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อดำเนินโครงการตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการใช้ระบบเอกซเรย์เพื่อตรวจคัดกรองวัณโรคและขยายการคัดกรองวัณโรคในภูมิภาคที่มีความเสี่ยงให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นายโซ มารูโอะ กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และสุขภาพ ฟูจิฟิล์มจะยังเดินหน้ารับมือกับความท้าทายเพื่อยกระดับบริการสาธารณสุขที่ทั่วถึงและมีคุณภาพ ผ่านการร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในขับเคลื่อนการตรวจวินิจฉัยและคัดกรองวัณโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ เรายังทำงานร่วมกับองค์กรไม่แสวงหากำไร STOP TB Partnership ที่จัดตั้งขึ้นโดยสำนักงานบริการโครงการแห่งสหประชาชาติ (UNOPS) เพื่อสนับสนุนการคัดกรองวัณโรคในกลุ่มประชากรในถิ่นทุรกันดาร การดำเนินงานทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์และสุขภาพของฟูจิฟิล์ม เราพร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย เวียดนาม และประเทศไทย และอีกหลากหลายประเทศทั่วโลก โครงการคัดกรองวัณโรคในอินเดียและอีกหลากหลายโครงการเพื่อสังคมในไทยนับเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของเรา ในอินเดีย โครงการตรวจคัดกรองวัณโรคซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สองในอินเดียของฟูจิฟิล์ม อินเดีย ตั้งเป้าคัดกรองประชากรมากกว่า 5 ล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของรัฐบาลอินเดียในการทำให้ประเทศปลอดวัณโรคภายในปี ค.ศ. 2025 โดยฟูจิฟิล์ม อินเดีย ลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของวัณโรค พร้อมให้บริการตรวจคัดกรองวัณโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์แบบพกพาที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ได้ผลการวินิจฉัยที่รวดเร็ว
ในประเทศไทย ฟูจิฟิล์มมีแผนเชิงคุณค่าแห่งความยั่งยืน 2030 (SVP2030) และหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการยกระดับมาตรฐานทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อสุขภาวะที่ดีขึ้นของคนไทยทั่วประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย ร่วมมือกับพันธมิตร มูลนิธิ และสถานพยาบาลเพื่อเสริมแกร่งบริการสาธารณสุข โดยใช้โซลูชันทางการแพทย์ขั้นสูงที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ตั้งแต่โรงพยาบาลในเมืองไปจนถึงสถานพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล "นับตั้งแต่ที่บริษัทก่อตั้งขึ้นที่ประเทศไทยในปี ค.ศ. 1989 ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจในวงการแพทย์ ในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ฟูจิฟิล์มมุ่งมั่นอย่างจริงจังที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมของประเทศไทย โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ ที่ไม่ใช่แค่สร้างผลกระทบต่อตัวบุคคล แต่ยังสร้างผลเสียต่อสังคมในวงกว้าง เพื่อช่วยให้คนใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรองวัณโรค เพื่อให้สอดคล้องกับแผน SVP2030 ของเรา โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ ๆ คืนกลับสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับสุขภาวะของคนไทยให้ดีขึ้นเทียบเท่าระดับสากล" มร.มารูโอะ กล่าว โซลูชันด้านการแพทย์และสุขภาพแบบครบวงจรของฟูจิฟิล์ม ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างสุขภาวะที่ดีแก่สังคมด้วยนวัตกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพล้ำสมัย นอกจากแคมเปญในการยุติวัณโรคแล้ว วิสัยทัศน์ของฟูจิฟิล์มยังครอบคลุมอีก 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาทางสังคมและความยั่งยืน ฟูจิฟิล์มยังคงแน่วแน่ในการสร้างสุขภาวะที่ดีสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ไม่ว่าจะที่อินเดียหรือประเทศไทย ฟูจิฟิล์มจะไม่หยุดยั้งพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยเพื่อช่วยเหลือสังคมและสร้างโลกที่น่าอยู่ให้แก่ทุกคน https://www.youtube.com/watch?v=Dg0E0Fo5DVw
Go To Lead
|
IT CLICK |
OPPO Pad Air รุ่น 4
OPPO Pad Air รุ่น 4 แท็บเลต สุดไฮเทค
สีม่วงโดดเด่น มาในสโลแกน ดีไซน์บาง โฉบเฉี่ยว สนุกได้ไม่จำกัด
น้ำหนักเบาเพียง 440 กรัม หน้าจอถนอมสายตา ขนาด 10.36 นิ้ว
ความละเอียดสูงสุดถึง 2K พร้อมด้วยลำโพงสเตอริโอ 4 ตัวระบบ
Dolby Atmos มอบเสียงที่คมชัดสมจริง เสียงแบบ 3D
Reno Glow พร้อมการเคลือบ 5 ชั้นและเทคโนโลยี 3D
Finishing ครั้งแรกในอุตสาหกรรม โดดเด่นไล่สี มีเลเยอร์
OPPO Pad Air รุ่น 4 ราคาใหม่เพียง 9,999 บาท
|
[ENGLISH]
|