ITC/Sciences
Hot News: เอบีม คอนซัลติ้ง 'เผย'กลยุทธ์เร่งลดคาร์บอนในไทย
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
เอบีม คอนซัลติ้ง 'เผย'กลยุทธ์เร่งลดคาร์บอนในไทย
ผู้บริหาร เอบีม คอนซัลติ้ง เปิดเผยว่า ประเทศไทยเอง มีนโยบายและแผนพลังงานหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) โดยกระทรวงพลังงาน ได้มีการแสดงกรอบแผนพลังงานแห่งชาติสำหรับความเป็นกลางทางคาร์บอนระหว่างปี พ.ศ. 2608- 2613 เป้าหมายคือการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าใหม่โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พิจารณาร่วมกับต้นทุนระบบกักเก็บพลังงานระยะยาว นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าผลักดันให้นโยบาย “ประเทศไทย 4.0” เกิดขึ้นจริง ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561 เป็นต้นมา โดยโมเดลเศรษฐกิจดังกล่าวจะนำเอา ไบโอเทคโนโลยีมาประยุกต์กับพืชผลทางการเกษตรซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ไบโอพลาสติก ผลิตภัณฑ์ชีวเคมี รวมไปถึงการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้จากความพยายามของประเทศจีนในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอน ในขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเองเพื่อให้บรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอาจมอบโอกาสทางธุรกิจให้กับภาคธุรกิจต่างๆ อีกด้วยโครงการ AZEC (Asia Zero Emission Community) จากประเทศญี่ปุ่นAZEC เป็นโครงการริเริ่มโดยประเทศญี่ปุ่น เพื่อรวมกลุ่มประเทศพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดจนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบันมี 11 ประเทศพันธมิตรเข้าร่วม โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนอย่างครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน เทคโนโลยี และการเพิ่มพูนศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดตัวโครงการริเริ่มถึง 3 โครงการด้วยกัน ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยในการประชุม COP28 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการตกลงร่วมกันที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นสองเท่า และเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่าภายในปีพ.ศ. 2573 แต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งในบางประเด็นเกี่ยวเนื่องกับจุดยืนเรื่องเชื้อเพลิงฟอสซิล หรือโรงไฟฟ้าถ่านหินในกลุ่มประเทศพันธมิตร AZEC ที่ปัจจุบันยังต้องพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงดังกล่าวอย่างมากอยู่ ดังนั้นนอกเหนือจากเรื่องส่งเสริมการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide Capture and Storage: CSS) แล้ว การเพิ่มศักยภาพให้กับโครงข่ายไฟฟ้า ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนทางพลังงาน และความร่วมมือในด้านนี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ
2) โครงการส่งเสริมตลาดเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน โดยประเทศพันธมิตร AZEC รวมถึงประเทศไทย คาดว่าจะมีปริมาณยานยนต์ เครื่องบิน และเรือเพิ่มมากขึ้น ทำให้การเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคการขนส่งมีความจำเป็นอย่างมาก โดยโครงการนี้มุ่งหวังที่จะสร้างเครือข่ายการจัดหาพลังงานเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ภูมิภาคเอเชีย และศึกษาความเป็นไปได้ของพลังงานเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงเชื้อเพลิงชีวมวล โดยโครงการนี้อาจเป็นโครงการที่ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางด้านชีวมวลได้
3) โครงการริเริ่มเพื่อสร้างอุตสาหกรรมยุคใหม่ ทั้งนี้ ในภูมิภาคเอเชีย ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของ GDP เป็นอย่างมาก ดังนั้น การทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นสิ่งสำคัญในอนาคต อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขนาดการลงทุนที่บริษัทแต่ละแห่งสามารถทำได้นั้นมีจำกัด จึงมีการหารือเกี่ยวกับวิธีการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นกลาง
เอบีม คอนซัลติ้ง พร้อมให้การสนับสนุนด้าน GX ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วภูมิภาคเอเชีย เอบีม คอนซัลติ้ง จับมือร่วมกับ Sumitomo Corporation ในฐานะพันธมิตรร่วมจัดตั้ง "GX Concierge" เพื่อให้บริการที่ปรึกษาในการส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทและองค์กรสามารถตอบสนองต่อประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนกระบวนการ GX ในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ผ่านบริการที่หลากหลายตั้งแต่การวางกรอบความคิด (Conceptualization) ไปจนถึงโซลูชันที่สามารถใช้งานได้จริงสำหรับวาระต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการส่งเสริม GX โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นด้วยกัน ได้แก่ ด้านการจัดหาพลังงาน ด้านอุปสงค์ของผู้บริโภค และการสร้างแบบจำลองอุปสงค์และอุปทานใหม่สำหรับพลังงานหมุนเวียน
ล่าสุดด้วยความร่วมมือกับคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น-อาเซียน หรือ AMEICC เอบีม คอนซัลติ้ง ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรองค์กรเพื่อส่งเสริม GX และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงการจับคู่ธุรกิจกับสถาบันการเงินและผู้จำหน่ายโซลูชัน ในอนาคต การลงทุนในโรงงานพลังงานหมุนเวียนและสิ่งอำนวยความสะดวกในการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าที่คาดว่าจะขยายตัวมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้เกิดตลาดพลังงานที่หลากหลาย ในฐานะประเทศที่ต้องเผชิญกับความท้าทายเดียวกันในการบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน รวมถึงการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เอบีม คอนซัลติ้ง หวังว่ากรณีศึกษาและเทคโนโลยีของญี่ปุ่นจะถูกนำมาใช้ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้าน GX ได้อย่างสูงสุดและยั่งยืน

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com